
เตรียมสอบ SAT เป็นสิ่งสำคัญที่น้อง ๆ ควรจะต้องเตรียมตัวก่อนการสอบเพราะมันจะทำให้น้อง ๆ มีความพร้อมและความมั่นใจในการสอบเพื่อที่จะสามารถทำคะแนนได้ตามเป้าหมายดั่งที่ตั้งใจไว้ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก SAT แบบคร่าว ๆ กันก่อน การสอบ SAT เป็นการทดสอบการใช้เหตุผลในวิชาคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของใครหลายคนที่สนใจอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหรือคณะอินเตอร์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย ดังนั้นแล้วน้อง ๆ ก็ควรจะต้องรู้ข้อมูลและเตรียมตัวก่อนสอบ SAT ให้ดี เพื่อให้มีความพร้อมและมั่นใจก่อนวันตะลุยข้อสอบจริง หากใครยังไม่แน่ใจว่าควรจะต้องเตรียมตัวอย่างไรดี ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะวันนี้พี่กริฟฟินจะมาแชร์ 10 ขั้นตอนต้องรู้ก่อนเตรียมสอบ SAT ให้น้อง ๆ ได้ลองทำตาม ตั้งแต่ขั้นตอนการลงทะเบียนไปจนถึงวันสอบจริงกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาเลย
1. ลงทะเบียนสอบ SAT
ก่อนอื่นน้อง ๆ ต้องทำการสร้างบัญชี เพื่อใช้สำหรับการลงทะเบียนสอบได้ที่ https://satsuite.collegeboard.org/sat/registration
จากนั้นทำการลงทะเบียนเพื่อสอบ SAT น้อง ๆ สามารถเลือกสถานที่และวันที่ของการสอบ SAT ได้ ในส่วนของสถานที่ พี่กริฟฟินแนะนำให้เลือกสถานที่ที่ใกล้บ้านมากที่สุด ไม่ไกลเกินไปเนื่องจากจะต้องไปสอบ ณ ศูนย์สอบเท่านั้น ในส่วนของวันที่สอบจะต้องคำนวณเรื่องเวลาในการเตรียมตัวสอบ SAT ให้ดี หากยังไม่มีความคุ้นเคยกับข้อสอบ SAT พี่กริฟฟินแนะนำให้เลือกวันที่ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนในการเตรียมตัวสอบหรือหาที่ติวสอบ SAT แต่หากน้อง ๆ ต้องใช้ผลสอบที่กะทันหันก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องบริหารจัดการเวลาในการเตรียมสอบให้ดีเพื่อที่จะสามารถสอบผ่านและได้คะแนนอย่างที่ตั้งใจไว้
วิธีสมัครสอบ SAT ออนไลน์ คลิก www.houseofgriffin.com/blog/สมัครสอบ-sat/
2. รู้จักโครงสร้างและรูปแบบของการสอบ SAT
คะแนนสอบ SAT จะมีทั้งหมด 1600 คะแนน แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Evidence-Based Reading & Writing 800 คะแนนและ Mathematics 800 คะแนน
1. Evidence-Based Reading & Writing
โดยจะแบ่งข้อสอบออกเป็น 2 ชุดคือ
- Section 1 Reading test มีจำนวน 52 ข้อ เป็นการทดสอบในเรื่องของการอ่าน โดยจะประกอบไปด้วย 5 บทความตามหัวข้อต่าง ๆ
- Section 2 Writing and Language มี 44 ข้อ จาก 4 บทความ เป็นการทดสอบในเรื่องของทักษะการเขียน โดยจะเป็นการทดสอบว่าเราสามารถเขียนได้ถูกหลักไวยากรณ์หรือไม่ ใช้เครื่องหมายวรรคตอนถูกหรือเปล่า หรือใช้คำศัพท์ได้เหมาะสมหรือไม่
2. Mathematics
โดยจะแบ่งข้อสอบออกเป็น 2 ชุดคือ
- Math Test (Calculator) มี 38 ข้อ เป็นทั้งแบบ Choice และเติมคำตอบ ในการสอบพาร์ทนี้ น้อง ๆ สามารถใช้เครื่องคิดเลขในการช่วยคำนวณได้
- Math Test (No calculator) มี 20 ข้อ เป็น Choice 16 ข้อ และเติมคำตอบ 4 ข้อ โดยพาร์ทนี้ไม่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้
เมื่อน้อง ๆ รู้โครงสร้างของข้อสอบ SAT จะทำให้สามารถเตรียมความพร้อมในการทำข้อสอบ SAT ได้อย่างดี ซึ่งการเตรียมสอบ SAT ในแต่ละพาร์ทต้องทำอย่างไร วิธีการจัดการเวลา พร้อมเทคนิคการทำข้อสอบ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก www.houseofgriffin.com/blog/การสอบ-sat/
3. ทำความคุ้นเคยกับข้อสอบ SAT
ส่วนต่าง ๆ ของข้อสอบ SAT จะเป็นการทดสอบความรู้และทักษะในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในหมวดวิชาภาษาอังกฤษ Evidence-Based Reading & Writing หรือวิชาคณิตศาสตร์ Mathematics อีกทั้งรูปแบบคำถามในแต่ละพาร์ทก็มีความแตกต่างกัน ในขั้นตอนนี้น้อง ๆ จะต้องศึกษาข้อสอบและสร้างความคุ้นเคยกับข้อสอบ SAT ในแต่ละพาร์ทให้ดีเพื่อทำให้คุ้นชินกับข้อสอบและไม่ตื่นข้อสอบในวันสอบจริง
รายละเอียดข้อสอบ SAT มีอะไรบ้าง คลิก www.houseofgriffin.com/blog/ข้อสอบ-sat/
4. รู้จุดอ่อนของตัวเอง เพื่อเตรียมสอบ SAT
เมื่อน้อง ๆ มีความคุ้นเคยกับข้อสอบ SAT แล้ว ขั้นตอนต่อมาที่ควรทำคือหาจุดอ่อนของตัวเองว่าเรายังมีจุดอ่อนในการทำข้อสอบในด้านไหนบ้าง ทางที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถรู้ได้คือการลองทำแบบทดสอบตามกำหนดเวลาฉบับสมบูรณ์ โดยสามารถเข้าไปทำได้ที่ https://satsuite.collegeboard.org/sat/practice-preparation/practice-tests
เมื่อทำแบบทดสอบฝึกหัดแล้วให้ลองคำนวณคะแนนดู วิธีนี้จะช่วยให้รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง คำถามไหนที่เป็นจุดแข็งเราก็สามารถฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้เวลาในการคิดและทำข้อสอบน้อยลง แต่หากคำถามไหนที่เป็นจุดอ่อน น้อง ๆ จะได้สามารถหาวิธีและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างถูกจุด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้สามารถทำคะแนนได้ดีมากยิ่งขึ้นในเวลาที่จำกัด
5. ตั้งคะแนนเป้าหมายที่ต้องการ
ก่อนการเตรียมตัวสอบ SAT น้อง ๆ ต้องตั้งวัตถุประสงค์ของการสอบ SAT ก่อนว่าน้อง ๆ ต้องการผลคะแนนสอบ SAT ไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยอินเตอร์ไหน คณะอะไร จากนั้นให้หาข้อมูลและศึกษาคะแนนขั้นต่ำที่มหาวิทยาลัยในคณะต่าง ๆ ต้องการ รวมไปถึงหาข้อมูลคะแนนเฉลี่ยต่ำสุดและสูงสุดของปีที่ผ่าน ๆ มา เพื่อที่น้อง ๆ จะได้ตั้งคะแนนเป้าหมายที่ต้องการได้ การตั้งคะแนนเป้าหมายเป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญที่น้อง ๆ ควรจะต้องเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพราะเมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วจะทำให้เรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจเพื่อที่จะสามารถพิชิตคะแนนเป้าหมายได้นั่นเอง
คะแนน SAT ขั้นต่ำล่าสุดใช้เข้ามหาวิทยาลัยอินเตอร์ คลิก www.houseofgriffin.com/blog/sat-scores/
6. ทำตารางติวเพื่อเตรียมสอบ SAT
การสอบ SAT นั้นไม่ง่าย แต่พี่กริฟฟินมั่นใจว่ามันไม่ยากเกินความสามารถของน้อง ๆ แน่นอนค่ะหากมีความตั้งใจและฝึกฝนการทำข้อสอบมากเพียงพอ พี่กริฟฟินแนะนำให้ทำตารางติวสอบ SAT เพื่อเป็นการฝึกทำข้อสอบอย่างสม่ำเสมอ ตารางเรียนจะเป็นตัวกำหนดการเรียนและทำให้เราไม่เถลไถลไปทำอย่างอื่นเนื่องจากเรามีแบบแผนในการฝึกฝนอย่างชัดเจน น้อง ๆ สามารถทำตารางติวสอบ SAT โดยการตั้งเป้าหมายที่จะฝึกทำโจทย์ทุกวันหลังเลิกเรียนประมาณ 1 ชั่วโมง และเสาร์ อาทิตย์ ช่วงเช้า 2-3 ชั่วโมงก็ได้ การทำตารางติวสอบ SAT จะช่วยให้การเตรียมตัวสอบมีแบบแผนมากยิ่งขึ้น น้อง ๆ จะได้ฝึกทำโจทย์อย่างสม่ำเสมอจนเกิดความเคยชินในเนื้อหาของการสอบและพี่กริฟฟินมั่นใจว่าจะสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
7. ทบทวนเนื้อหาที่สำคัญในการเตรียมสอบ SAT
หลังจากที่เราตั้งเป้าหมายและทำตารางติวสอบ SAT เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะทบทวนเนื้อหาของการสอบ SAT กันค่ะว่าแต่ละพาร์ทต้องสอบเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นให้ลองดูว่าเรื่องไหนที่เรายังไม่รู้หรือยังไม่แม่นพอ เป้าหมายของหัวข้อนี้คือน้อง ๆ จะต้องรู้ว่าเราอ่อนเรื่องไหนบ้างเพื่อที่เราจะได้โฟกัสได้อย่างถูกจุด อย่างเช่นหากรู้สึกว่าเราอ่อนเรื่องคณิตศาสตร์ เราก็ควรที่จะใช้เวลาทบทวนเนื้อหาที่สำคัญของวิชานั้น ๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม เรื่องไหนที่เรารู้สึกมั่นใจและคล่องแคล่วในการทำข้อสอบแล้ว เราก็สามารถใช้เวลาทบทวนแบบผ่าน ๆ ได้ และไปใช้เวลาให้มากขึ้นกับเรื่องที่เราไม่ถนัด วิธีนี้จะช่วยให้น้อง ๆ มีเวลาทบทวนเนื้อหาที่สำคัญได้อย่างเหมาะสม ตัวเราเองจะเป็นคนรู้ดีที่สุดว่าเรามีจุดแข็งเรื่องอะไรและมีจุดอ่อนในเรื่องไหนบ้าง เพื่อที่จะสามารถกำหนดเวลาในการเรียนและทบทวนเนื้อหาที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
8. เรียนรู้กลยุทธ์การทำข้อสอบ
ส่วนสำคัญในการเตรียมตัวสอบ SAT คือการเรียนรู้กลยุทธ์ในการทำข้อสอบ ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในการทำข้อสอบ SAT คือเรื่องของเวลา น้อง ๆ จะต้องรู้จักการบริหารจัดการเวลาที่ดีในการทำข้อสอบ คำถามที่ยากให้ข้ามไปก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและเสียกำลังใจ ให้เลือกทำคำถามที่ง่ายกว่าก่อน หลังจากทำเสร็จแล้วค่อยย้อนกลับไปทำข้อที่ยากซึ่งจะทำให้เรามีเวลาในการคิดและทำข้อสอบมากยิ่งขึ้น ในส่วนนี้พี่กริฟฟินแนะนำให้น้อง ๆ ฝึกฝนในการทำข้อสอบในเวลาที่จำกัดอย่างสม่ำเสมอ การฝึกฝนบ่อย ๆ จะทำให้เราไม่กดดันและสามารถบริหารจัดการเวลาในการทำข้อสอบได้อย่างดี
9. ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
สิ่งที่จะทำให้น้อง ๆ มีความมั่นใจในการทำข้อสอบ SAT มากที่สุดก็คือการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีความเคยชินกับเนื้อหาของข้อสอบ รวมไปถึงการฝึกฝนในเรื่องของเวลาที่มีค่อนข้างจำกัด ในการฝึกฝนการทำข้อสอบพี่กริฟฟินแนะนำให้จับเวลาทุกครั้งในการฝึกทำโจทย์ ให้น้อง ๆ ลองหาข้อสอบของปีเก่า ๆ มาลองทำเป็นประจำทุกวันให้มั่นใจว่าเราชินและรู้แนวข้อสอบแล้วจริง ๆ ยิ่งเราฝึกมากเท่าไร เราก็จะมีความมั่นใจมากเท่านั้นและมีโอกาสพลาดน้อยที่สุด
10. เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันสอบ
หลังจากที่น้อง ๆ เตรียมตัวสอบ SAT มาครบทุกข้อแล้ว สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดก่อนการสอบ SAT คือการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันสอบ น้อง ๆ ควรจัดกระเป๋าเครื่องเขียนและเครื่องคิดเลขที่สามารถนำเข้าได้ ทำสมาธิและนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อที่จะได้ตื่นมาอย่างสดชื่นและพร้อมสอบ SAT อย่างเต็มที่
สรุปการเตรียมสอบ SAT ด้วยเทคนิค 10 ข้อจากพี่กริฟฟิน
เป็นอย่างไรบ้างคะกับ 10 ขั้นตอนต้องรู้ก่อนเตรียมตัวสอบ SAT น้อง ๆ สามารถเตรียมตัวก่อนสอบ SAT ตามที่พี่กริฟฟินแนะนำไว้ได้เลยเพื่อที่จะสามารถพิชิตคะแนนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ หากใครที่สนใจคอร์สติวสอบ SAT อย่างเข้มข้นชนิดที่ว่ารู้ทุกซอกทุกมุมของข้อสอบ พี่กริฟฟินแนะนำให้มาเรียนกับทางสถาบัน House of Griffin ซึ่งมีทั้งเรียนแบบกลุ่มพร้อมกับเพื่อนๆ หรือเรียนแบบตัวต่อตัว เนื่องจากทางสถาบันมีทีมอาจารย์ที่มีประสบการณ์มานานหลายปีจะคอยดูแลและติวสอบให้น้อง ๆ อย่างเข้มข้น มีเคล็ดลับต่าง ๆ มากมายในการทำข้อสอบ ซึ่งพี่กริฟฟินรับรองว่าหากมาเรียนที่สถาบัน House of Griffin น้อง ๆ จะมีความมั่นใจมากขึ้นและสามารถสอบผ่านได้คะแนนอย่างที่ตั้งใจไว้แน่นอน ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยได้เลยค่ะ