Skip to content

5 เทคนิคทำข้อสอบ GED Math เปลี่ยนข้อยากให้ง่าย ได้คะแนนเต็ม

5 เทคนิคทำข้อสอบ GED Math เปลี่ยนข้อยากให้ง่าย ได้คะแนนเต็ม

หลายคนมองว่าข้อสอบ GED Math เป็นอุปสรรคใหญ่ในการได้วุฒิ GED แต่ความจริงแล้ว ข้อสอบคณิตศาสตร์ส่วนนี้กลับเป็นวิชาที่ง่ายที่สุดในการเก็บคะแนนหากคุณเข้าใจเทคนิคทำข้อสอบ GED Math ที่ถูกต้อง เพราะข้อสอบจะให้ทั้งสูตรและเครื่องคิดเลขมาให้ใช้แล้ว สิ่งที่คุณต้องมีคือการรู้วิธีตีความโจทย์และใช้เครื่องมือให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ GED Math พร้อมเทคนิคทำข้อสอบ GED Math ทั้ง 5 ข้อที่จะช่วยเพิ่มคะแนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

GED Math คืออะไร ?

GED Math (Mathematical Reasoning) คือหนึ่งใน 4 วิชาหลักของการสอบ GED ที่ทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมปลาย โดยเนื้อหาครอบคลุม 4 หมวดหลัก

  1. Basic Math (พื้นฐานทางคณิตศาสตร์) – เศษส่วน ทศนิยม เปอร์เซ็นต์
  2. Basic Algebra (พีชคณิตเบื้องต้น) – การแก้สมการพื้นฐาน
  3. Geometry (เรขาคณิต) – พื้นที่ ปริมาตร ทฤษฎีบทพีทาโกรัส
  4. Graphs and Functions (กราฟและฟังก์ชัน) – การอ่านกราฟและเข้าใจความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน

โครงสร้างข้อสอบ GED Math

รายละเอียดจำนวน/เวลา
จำนวนข้อสอบทั้งหมด46 ข้อ
เวลาในการทำข้อสอบ115 นาที (1 ชั่วโมง 55 นาที)
ส่วนที่ 1: ห้ามใช้เครื่องคิดเลข5 ข้อ
ส่วนที่ 2: ใช้เครื่องคิดเลขได้41 ข้อ)
คะแนนผ่าน145 คะแนนขึ้นไป

ข้อสอบทั้งหมดมีประมาณ 46 ข้อ ใช้เวลา 115 นาที และแบ่งเป็น 2 ส่วน 

ส่วนแรกห้ามใช้เครื่องคิดเลข มีจำนวน 5 ข้อ ส่วนที่สองสามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ มีจำนวน 41 ข้อ

สิ่งที่ทำให้ข้อสอบ GED Math ท้าทายไม่ใช่เพราะเนื้อหายาก แต่เป็นเพราะรูปแบบคำถามที่ซับซ้อน โจทย์มักจะอยู่ในรูปแบบของสถานการณ์จริง (Real-world Problems) ที่ต้องแปลงภาษาอังกฤษให้เป็นสมการคณิตศาสตร์ก่อนจึงจะคำนวณได้

อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อสอบ GED Math คืออะไร

5 เทคนิคทำข้อสอบ GED Math ที่ช่วยเพิ่มคะแนนได้จริง

เทคนิคที่ 1 : อ่านคำถามให้ครบก่อนเริ่มคำนวณ

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดของผู้สอบ GED Math คือ “เห็นตัวเลขแล้วรีบคำนวณทันที” ทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าโจทย์ถามอะไรจริง ๆ ผลคือใช้สูตรถูก แต่คำตอบผิด เพราะโจทย์อาจไม่ได้ถาม “ค่าที่เห็นตรง ๆ”

ตัวอย่างที่ง่าย:

Each notebook costs $5. If you buy 3 notebooks and get a $2 discount in total, how much money do you save?

หลายคนจะรีบคำนวณว่า
5 × 3 = 15 แล้วตอบ 15
แต่โจทย์ถามว่า “คุณประหยัดเงินเท่าไร” ซึ่งโจทย์บอกแล้วว่ามีส่วนลด $2 ดังนั้นคำตอบที่ถูกคือ $2

Tip: 

  1. อ่านโจทย์ทั้งหมดก่อนเริ่มคำนวณ
  2. ขีดเส้นใต้คำถามหลัก เช่น “How much more…?”, “What is the difference…?”, “By how many percent…?”
  3. ถามตัวเองว่า “โจทย์ต้องการให้หาค่าอะไรจริงๆ?”

เทคนิคง่ายๆ นี้ช่วยลดข้อผิดพลาดได้มากและประหยัดเวลาในการกลับไปอ่านโจทย์ซ้ำ

เทคนิคที่ 2 : ตีความโจทย์เป็น “สมการหรือสัญลักษณ์”

ข้อสอบ GED Math มักไม่ถามแบบ “คำนวณตรง ๆ” แต่จะซ่อนตัวเลขไว้ในข้อความภาษาอังกฤษยาว ๆ ซึ่งต้องแปลโจทย์ ให้กลายเป็นสมการก่อนถึงจะสามารถเริ่มคิดได้อย่างถูก

ตัวอย่างที่ 1:

A movie ticket costs $8. The price increases by 25%. What is the new price?

ถ้าอ่านเป็นภาษาเลข จะได้ว่า

  • ราคาเดิม = 8
  • เพิ่มขึ้น 25% → หมายถึง บวกเพิ่ม 25% ของราคาเดิม

ดังนั้นสมการคือ New Price = 8 × (1 + 0.25) = 10

คำตอบคือ $10

ตัวอย่างที่ 2:

 The student has 6 pencils, which is 2 more than twice as many pens as they have.
แปลงเป็นสมการได้ว่า 6 = 2 + 2p (เพราะดินสอมี 6 แท่ง มากกว่าสองเท่าของปากกาอยู่ 2 แท่ง)

จากนั้นเราก็แก้สมการหา p ได้เลย

  • 2p = 6 – 2
  • 2p = 4
  • p = 2 แท่ง

Tip: ฝึกอ่านโจทย์และแปลงเป็นสมการทุกครั้ง แม้โจทย์ที่ดูง่าย การฝึกนี้จะทำให้สมองคุณชินกับการตีความโจทย์ภาษาอังกฤษอัตโนมัติ

คำศัพท์คณิตศาสตร์ภาษาอังกฤษที่ควรจำ

คำศัพท์ภาษาอังกฤษความหมายทางคณิตศาสตร์สัญลักษณ์
more thanบวก+
less thanลบ
ofคูณ×
perหาร÷
total, in allผลรวมΣ
is more thanมากกว่า
is less thanน้อยกว่า
timesคูณ×
increased byเพิ่มขึ้น+
decreased byลดลง

เคล็ดลับ: ฝึกอ่านโจทย์และแปลงเป็นสมการทุกครั้ง แม้โจทย์ที่ดูง่าย การฝึกนี้จะทำให้สมองคุณชินกับการตีความโจทย์ภาษาอังกฤษอัตโนมัติ

เทคนิคที่ 3 : ฝึกใช้เครื่องคิดเลข TI-30XS ให้เป็น

เครื่องคิดเลขที่อนุญาตในข้อสอบ GED มีฟังก์ชันมากกว่าแค่บวก ลบ คูณ หาร เช่น สามารถใช้สำหรับ

  • คำนวณสมการเศษส่วน (Fraction)
  • แปลงเลขทศนิยม ↔ เศษส่วน
  • ใช้ memory เก็บค่าตัวแปร

Tip: ฝึกใช้โหมด Fraction และ Pi ก่อนสอบจริง เพื่อให้คุ้นเคยกับตำแหน่งปุ่มและฟังก์ชันต่าง ๆ การกดผิดปุ่มเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เสียคะแนนได้

เทคนิคที่ 4 : ทำโจทย์ย้อนขึ้นไปจากคำตอบ (Backsolving) เมื่อเจอโจทย์ที่แก้สมการยาก

บางข้อโจทย์การแก้สมการอาจใช้เวลานาน หรือคุณอาจไม่มั่นใจในขั้นตอน วิธี Backsolving (แทนค่าจากตัวเลือก) จะช่วยประหยัดเวลาและลดความเสี่ยงในการคำนวณผิด

ตัวอย่าง:

“Which of the following is the value of x in the equation is  3x + 7 = 19 ?”
A) 3 B) 4 C) 5 D) 6

แทนที่จะคำนวณแก้สมการตามวิธีตรง ๆ แค่ลองแทนค่าคำตอบจากตัวเลือกที่ให้มา เช่น x = 4, 5, 6, …
จะเห็นว่า x = 4 → 3(4)+7 = 19 ✅

เทคนิคนี้ช่วยประหยัดเวลาได้มาก โดยเฉพาะโจทย์แบบ Multiple Choice

เทคนิคที่ 5 : การฝึกฝนทำโจทย์เยอะ ๆ เพื่อจดจำรูปแบบข้อสอบ

หลายคนเข้าใจผิดว่า การเรียน GED Math คือการ “ท่องจำสูตรให้เยอะที่สุด” แต่ในความเป็นจริง สูตรไม่ได้ช่วยอะไรเลยหากเราไม่รู้จักวิธีใช้ การทำโจทย์หรือข้อสอบจำนวนมากจะช่วยให้น้องแต่ละคน “เห็นรูปแบบซ้ำ ๆ” ของข้อสอบ และ “ฝึกสมองให้คิดได้รวดเร็วขึ้น”

เหตุผลที่การฝึกโจทย์สำคัญ:

  1.     จดจำรูปแบบคำถาม – เมื่อทำโจทย์ซ้ำๆ สมองจะเริ่มจำรูปแบบได้ เช่น:
  • เห็นคำว่า “percent change” → นึกถึงสูตร (new – old) / old × 100
  • เห็นคำว่า “mean” → นึกถึงการหาค่าเฉลี่ย
  • เจอ “linear equation” → นึกถึงการย้ายข้างแก้สมการ
  1.     ประหยัดเวลาในการสอบ – ยิ่งทำโจทย์มากยิ่งตอบได้เร็ว เพราะไม่ต้องคิดหาวิธีใหม่ทุกครั้ง
  2.     สร้างความมั่นใจ – การเห็นโจทย์คล้ายๆ ที่เคยทำมาจะทำให้ไม่ตื่นตระหนกเวลาสอบจริง

กลยุทธ์การฝึกทำโจทย์ GED Math ที่ได้ผลจริง

  1. เริ่มจากข้อที่ง่ายก่อน เพื่อให้เข้าใจหลักการและไม่เกิดความรู้สึกท้อ หากเจอโจทย์ยากแล้วทำไม่ได้ อาจทำให้ไม่อยากฝึกทำข้อสอบต่อ
  2. ทำซ้ำข้อที่ผิด ทุกครั้งที่ตอบผิด ให้จดไว้ว่า “ผิดเพราะอะไร” เช่น อ่านไม่ครบ, ลืมแปลงหน่วย, ใส่สูตรผิด
  3. จับเวลาเหมือนสอบจริง ฝึกทำให้ครบในเวลาที่จำกัด (เช่น 1 ข้อไม่เกิน 2 นาที) เพื่อสร้างความเคยชินกับแรงกดดันเรื่องเวลา
  4. สลับทำโจทย์จากหลายแหล่ง เพื่อจะได้เห็นแนวโจทย์ที่หลากหลาย เพราะแต่ละแหล่งข้อสอบอาจใช้สำนวนภาษาที่ต่างกัน หากเจอโจทย์เยอะก็จะมีแนวคิดในการทำโจทย์ที่เพิ่มขึ้น

เคล็ดลับสำคัญ: อย่ากลัวข้อผิดพลาด ทุกข้อที่ผิดคือ “บันไดสู่ความสำเร็จ” คิดว่าทุกโจทย์ใหม่จะสอนอะไรให้เราเรียนรู้เสมอ การฝึกทำโจทย์เยอะ ๆ จึงไม่ใช่แค่เพิ่มความแม่น แต่ยังสร้างความมั่นใจ จนวันที่น้องสอบจริง โจทย์บางข้อที่เคยทำมาอาจจะไปเจออีกครั้งในข้อสอบก็ได้

ตัวอย่างโจทย์ GED Math แต่ละหมวดพร้อมเฉลย

1. Basic Math (พื้นฐานทางคณิตศาสตร์)

โจทย์: Use the information below to find the total bill.

  • 6.5 linear feet of wood at USD 10 per linear foot
  • 20 ft² of stained glass at USD 7 per ft²
  • Shipping fee and tax: USD 37.40

Question: What is the total bill?

Step 1: คำนวณราคาของไม้

6.5 ft × 10 = 65 

Step 2: คำนวณราคากระจกสี

20 ft² ×  7 = 140

Step 3: คำนวณราคารวมทุกอย่าง

65 + 140 + 37.40 = 242.40

คำตอบ:  the total bill = 242.40

2. Basic Algebra (พีชคณิตเบื้องต้น: การแก้สมการพื้นฐาน)

โจทย์: Solve for x:  3x + 5 = 20

Step 1: ลบ 5 ทั้งสองข้างของสมการ
3x + 5 – 5 = 20 – 5

3x = 15

Step 2: หาร 3 ทั้งสองข้างของสมการ

3x / 3 = 15 / 3
x = 5

คำตอบ: x=5 

 

3. Geometry (เรขาคณิต)

เทคนิคทำข้อสอบ GED Math - โจทย์ GED Math หัวข้อเรขาคณิต

โจทย์: The diamond shape shown above was created by combining two identical square pyramids with

heights of 9.8 in. and side bases of 9 in. What is the volume of this diamond shape, in cubic inches?

A.264.6

B.529.2

C.793.8

D.1567.6

Step 1: ดูใบสูตรว่าใช้สูตรอะไร ซึ่งในข้อนี้ใช้สูตรในการหาปริมาตรของพีรามิด

V = ⅓ x B x h

หมายเหตุ B = Base area

Step 2: แทนค่าตัวแปรในสูตร

B = 9 x 9 และ h = 9.8

V = ⅓ x 9 x 9 x 9.8  = 264.6 in3

Step 3: ในโจทย์มีพิรามิด 2 รูป จึงต้องนำค่าปริมาตรที่หาได้ของ 1 พีรามิดไปคูณ 2

Total volume = 264.6 x 2 = 529.2 in3

คำตอบ: B. 529.2 in3

4. Graphs and Functions (กราฟและฟังก์ชั่น)

โจทย์: A XYZ – equipment company uses the function C(x) = 300 + 10.5x to determine the cost C, in

dollars, of transport for x microscopes. If Prof. Xavier order 5 microscopes for his new laboratory from this company, what is the transport cost for this case ?

  1. 300
  2. 310.5
  3. 352.5
  4. 355

Step 1: อ่านโจทย์ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟังก์ชันและตัวแปร 

C(x) = 300 + 10.5x

ตัวแปร x คือจำนวนไมโครสโคป ซึ่งในโจทย์มีจำนวนไมโครสโคป 5 เครื่อง

Step 2: แทนค่าตัวแปร x = 5 ในฟังก์ชัน

C(5) = 300 + 10.5(5) =  $ 352.5

คำตอบ: C.  352.5

GED Math ไม่ยาก เพียงคิดอย่างเป็นระบบและวางแผนในการทำข้อสอบ

ข้อสอบ GED Math ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิด เพราะสูตรและเครื่องคิดเลขมีให้ใช้แล้ว สิ่งที่ทำให้หลายคนกังวลคือการตีความโจทย์ผิดหรือไม่รู้วิธีใช้เครื่องมือที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ หากน้อง ๆ นำเทคนิคทำข้อสอบ GED Math ทั้ง 5 ข้อที่เราแนะนำไปใช้ พร้อมกับการวางแผนการเตรียมตัวที่ดี GED Math จะกลายเป็นวิชาที่เก็บคะแนนได้ง่ายที่สุดและช่วยดึงคะแนนรวมให้ผ่านเกณฑ์ได้อย่างแน่นอน

หากน้อง ๆ ต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญและต้องการเรียนรู้เทคนิคทำข้อสอบ GED Math อย่างเป็นระบบ เราขอแนะนำคอร์ส GED Math ที่ House of Griffin ที่จะช่วยให้น้อง ๆ พร้อมสำหรับการสอบและบรรลุเป้าหมายในการได้วุฒิ GED

พร้อมที่จะเริ่มต้นใช้เทคนิคทำข้อสอบ GED Math เพื่อเพิ่มคะแนนของคุณแล้วหรือยัง?

Share this article
ไว้อาลัยสมเด็จพระพันปีหลวง