น้อง ๆ ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบเทียบ GED และอยากได้ข้อมูลแบบเจาะลึกของข้อสอบ GED Math ห้ามพลาดบทความนี้เลย เพราะพี่กริฟฟินจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับข้อสอบวิชานี้กันแบบเน้น ๆ ตั้งแต่ GED Math คืออะไร, ใช้เวลาสอบกี่ชั่วโมง, มีเนื้อหาการสอบยังไงบ้าง และเทคนิคการสอบ GED Math ให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก
ข้อสอบ GED Math คืออะไร
GED Math คือ ข้อสอบรายวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematical Reasoning) ของการสอบ GED โดยจะเป็นข้อสอบวัดระดับความรู้ทางคณิตศาสตร์ การใช้งานตรรกะและการคิดคำนวณ กำหนดเวลาการสอบ 115 นาที มีคะแนนเต็มทั้งหมด 200 คะแนน โดยกำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำอยู่ที่ 145 คะแนนขึ้นไป (อาจมีมหาวิทยาลัยบางแห่งกำหนดคะแนนขั้นต่ำที่แตกต่างออกไป น้อง ๆ อย่าลืมตรวจสอบกับทางคณะอีกครั้ง)
รูปแบบข้อสอบ GED Math เป็นยังไง
โจทย์ของข้อสอบ GED Math เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ลักษณะข้อสอบจะมีทั้งหมด 7 รูปแบบ ดังนี้
1. แบบเลือกตอบ (Choice)
โจทย์ประเภทนี้จะเป็นรูปแบบข้อสอบที่พบได้บ่อยที่สุด ผู้สอบจะต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียง 1 เดียวจากตัวเลือกทั้งหมด
2. แบบเลือกตอบแบบหลายตัวเลือก (Multiple choice)
ข้อสอบในรูปแบบนี้จะมีคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า 1 ข้อ โดยผู้ตอบจะต้องทำการเลือกคำตอบที่ถูกต้องทั้งหมด
3. แบบเติมคำในช่องว่าง (Fill in the blank)
ให้ผู้สอบพิมพ์คำตอบลงในช่องที่ระบุเอาไว้ คำตอบส่วนใหญ่จะเป็นตัวเลข แต่บางครั้งอาจเป็นข้อความหรือวลีสั้น ๆ ก็ได้
4. แบบลากวาง (Drag and drop)
คำถามประเภทนี้จะมีคำตอบแบบตัวเลือกที่ผู้สอบจะต้องลากคำตอบที่ถูกต้องไปวางลงในช่องคำตอบ โดยบางข้ออาจมีจุดที่ต้องตอบมากกว่า 1 ข้อ ผู้สอบจะต้องตอบให้ครบถ้วนและถูกต้อง
5. แบบจับคู่ (Matching)
โจทย์รูปแบบนี้จะต้องจับคู่ข้อความหรือตัวเลขเข้าด้วยกัน โดยอาจเป็นคำถามแบบ True-False (จริง-เท็จ) ที่ผู้สอบจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของโจทย์และตอบว่าข้อความนั้นเป็นจริงหรือเท็จ
6. แบบเติมคำตอบในตาราง (Table Entry)
ข้อสอบประเภทนี้มักเป็นตารางคำตอบที่มีสองคอลัมน์ โดยจะมีส่วนที่เว้นว่างไว้และให้ผู้สอบพิมพ์คำตอบลงในตารางที่ระบุเอาไว้
7. แบบพล็อตกราฟ (Hot Spot)
โจทย์รูปแบบนี้จะมีกราฟเปล่ามาให้ผู้สอบทำการพล็อตกราฟลงในชีทคำตอบ โดยโจทย์จะระบุจำนวนที่จะต้องตอบของข้อนั้น ๆ
GED Math สอบอะไรบ้าง มีกี่ข้อ พร้อมตัวอย่างข้อสอบ
ข้อสอบ GED Math จะมีจำนวนข้อสอบทั้งหมด 46 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก พาร์ทแรกจะมีจำนวน 5 ข้อ และพาร์ทที่ 2 จะมีจำนวน 41 ข้อ มีทั้งส่วนที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณได้และส่วนที่ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณ สามารถแบ่งเนื้อหาการสอบออกเป็น 4 หัวข้อหลักได้ ดังนี้
Basic Math (คณิตศาสตร์พื้นฐาน)
ข้อสอบ GED Math ในหมวดนี้จะเป็นโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์พื้นฐานอย่างการบวก, ลบ, คูณ, หาร เป็นหลัก แต่ตัวเลขภายในโจทย์จะมีตั้งแต่จำนวนเต็ม, ทศนิยม, เศษส่วน, เปอร์เซ็นต์, เลขยกกำลัง รวมไปถึงการหารากที่สอง
ตัวอย่างข้อสอบ Basic Math
Geometry (เรขาคณิต)
โจทย์ปัญหาที่เกี่ยวกับเรขาคณิตทั้งรูปแบบสองมิติและสามมิติ เช่น วงกลม, สามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม, ลูกบาศก์, ปริซึม, พีระมิด, ทรงกระบอก และทรงกรวย โดยจะถามเกี่ยวกับการหาพื้นที่, เส้นรอบวง, รัศมี, ปริมาตร, พื้นผิว หรือความสัมพันธ์ของรูปทรงเลขาคณิตต่าง ๆ
Basic Algebra (พีชคณิตพื้นฐาน)
คำถาม GED Math อยู่ในหมวดพีชคณิตพื้นฐานจะมีความคล้ายคลึงกับคณิตศาสตร์พื้นฐาน คือ เน้นไปที่การบวก, ลบ, คูณ, หาร และเลขยกกำลัง แต่จะมีความซับซ้อนกว่าตรงที่จะมีการแทรกตัวแปรเข้ามา โจทย์จะถามเกี่ยวกับการแก้สมการ, การลดรูปสมการ, อสมการ, สมการเชิงเส้น รวมไปถึงการใช้สูตรกำลังสองในการแก้โจทย์ปัญหา
ตัวอย่างข้อสอบ Basic Algebra
Graphs and Functions (กราฟและฟังก์ชัน)
ข้อสอบประเภทนี้จะเน้นวัดทักษะด้านการวิเคราะห์และจัดระเบียบข้อมูลในกราฟ แผนภูมิ และตาราง โดยโจทย์จะถามเกี่ยวกับการหาจุดตัด, ความชัน, การระบุจุดในระนาบพิกัด, ค่าเฉลี่ย, ค่ามัธยฐาน, ฐานนิยม รวมไปถึงการหาความน่าจะเป็นและสถิติ
ตัวอย่างข้อสอบ Graph and Functions
สำหรับน้องคนไหนที่ไม่ถนัดวิชาคณิตศาสตร์และกลัวว่าข้อสอบ GED Math จะยากจนเกินไป พี่กริฟฟินก็ขอบอกว่าไม่ต้องกังวลเลย เพราะการสอบ GED Math นอกจากจะมีส่วนที่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคำนวณได้แล้ว ภายในข้อสอบยังมี Formula Sheet หรือชีทรวมสูตรคำนวณเอาไว้ให้ผู้สอบสามารถเปิดเทียบในระหว่างทำสอบได้ จึงไม่ต้องกลัวว่าจะจำสูตรไม่ได้
ตารางสอบ GED Math
การสอบ GED Math ก็เหมือนกับการสอบ GED ทั่วไป คือ มีการจัดสอบทุกวันจันทร์ – เสาร์ ตั้งแต่ 9:00 – 16:00 น. โดยสามารถสมัครสอบด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ www.ged.com ได้เลย แต่ก่อนที่น้องแต่ละคนจะลงสอบ GED Math รอบจริงได้ จะต้องผ่านการทำข้อสอบ GED Ready ที่เป็นข้อสอบ Pre-test ของวิชา Math เสียก่อนจึงจะสามารถลงสอบ GED Math ในรอบจริงได้ โดยน้อง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดการสมัครสอบ GED อย่างละเอียดได้ ที่นี่
ค่าสมัครสอบ GED Math เท่าไหร่
ค่าสอบจะแบ่งได้ออกเป็น 2 ส่วนสำหรับการสอบ GED Math คือ ค่าสมัครสอบ GED Ready (Math) จำนวน 7.99 USD และค่าสมัครสอบ GED Math (รอบจริง) จำนวน 85 USD นั่นเอง
สอบ GED Math ที่ไหน
หากเป็นการสอบ GED Ready (Math) สามารถทำสอบแบบออนไลน์ที่บ้านในช่วงเวลาที่สะดวกได้เลย ส่วนการสอบ GED Math รอบจริง จะต้องเดินทางไปสอบที่สนามสอบ GED เท่านั้น โดยน้อง ๆ สามารถเลือกลงสอบที่ศูนย์สอบใกล้บ้านที่กระจายอยู่ถึง 12 แห่งทั่วประเทศไทยได้เลย
3 เทคนิคพิชิตข้อสอบ GED Math
เทคนิค 1 ฝึกทำโจทย์ GED Math และจับเวลาขณะฝึก
วิธีนี้เชื่อว่าน้องทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่พี่กริฟฟินอยากจะมาแนะนำเว็บไซต์ฝึกทำข้อสอบ GED Practice Test ที่มีคลังข้อสอบ GED Math ที่ให้น้อง ๆ ได้ลองไปฝึกทำก่อนลงสนามสอบจริง เพื่อที่จะได้จับทางข้อสอบแต่ละหัวข้อได้ง่ายยิ่งขึ้น และหากลองทำข้อสอบแบบจับเวลาตามจริงก็จะช่วยให้สามารถฝึกการบริหารเวลาในการทำสอบได้ทันเวลาอีกด้วย
เทคนิค 2 ท่องศัพท์คณิตศาสตร์ เตรียมพร้อมก่อนสอบ GED Math
เนื่องจากโจทย์ GED Math เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ทำให้น้อง ๆ บางคนที่ไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์คณิตศาสตร์ภาษาอังกฤษเกิดความงงและสับสนได้ว่าโจทย์ต้องการจะถามอะไร ดังนั้นจึงควรฝึกท่องศัพท์คณิตศาสตร์ไปพร้อมกับการลองฝึกทำข้อสอบ โดยอาจจดคำศัพท์ที่เจอเอาไว้ในสมุดโน้ตแยกต่างหาก จากนั้นค้นหาความหมายของคำศัพท์นั้น และนำเอามาท่องเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย
เทคนิค 3 ตั้งเป้าหมายการฝึกทำข้อสอบ GED Math ในแต่ละวัน
โดยน้องแต่ละคนอาจแบ่งวันฝึกทำโจทย์ GED Math ตามหัวข้อเพื่อให้จดจ่อกับการแก้โจทย์ปัญหาในหัวข้อที่เลือกฝึกทำโจทย์ในแต่ละวัน เป็นการฝึกเทคนิคการทำข้อสอบในหัวข้อนั้นได้ไวยิ่งขึ้น
ติว GED Math กับ House of Griffin เพิ่มความมั่นใจ 100%
ถ้าน้อง ๆ ลองใช้เทคนิคข้างต้นและฝึกทำข้อสอบ GED Math ด้วยตัวเองแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจหรือต้องการสอบผ่าน 100% ทาง House of Griffin สถาบันติวสอบ GED ที่ผ่านการรับรองจาก GED Official ให้เป็น Authorized GED Test Prep Provider เพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย มีคอร์สเรียน GED ครบทุกวิชา พร้อมแจกเทคนิคทำสอบแบบเน้น ๆ การันตีสอบผ่านภายในระยะเวลา 2 เดือน 100% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันกำหนด)