Skip to content

SAT Score คะแนนสอบ SAT คำนวณอย่างไร

โดย ครูก้อง

SAT Score

SAT Score คำนวณอย่างไร เด็ก TCAS66 เตรียมตัวกันแล้วยัง!

ใครที่ยังไม่รู้จะเข้าคณะไหน พี่ ๆ ก็ขอให้พบกับคณะที่ใช่ในเร็ววัน สำหรับคนที่วางเป้าหมายไว้แล้ว รู้แล้วว่าคณะไหนที่เหมาะกับตัวเอง มาเช็กดูว่า SAT Score เราจะคำนวณคะแนน SAT อย่างไร ใช้เกณฑ์ขั้นต่ำเท่าไหร่ เราพร้อมไหม เพราะคะแนน SAT ถือว่าสำคัญมาก ๆ เลยทีเดียวสำหรับการยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีแต่คะแนนสูง ๆ กันทั้งนั้น  

 

สอบ SAT ได้เมื่อไหร่ และสอบที่ไหน

SAT เป็นการสอบที่ใช้รับนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย ตัวข้อสอบประกอบด้วยวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics) และภาษาอังกฤษ (Evidence-Based Reading and Writing) จัดสอบโดยหน่วยงานที่มีชื่อว่า College Board วันสอบ SAT ปีนี้ ได้แก่ 27 สิงหาคม 2565, 1 ตุลาคม 2565 และ 3 ธันวาคม 2565 ซึ่งรอบสอบในเดือนธันวาคม จะเป็นการสอบแบบ paper ครั้งสุดท้าย โดยในปีหน้า การสอบ SAT จะปรับเป็นการสอบแบบ Digital โดยมีกำหนดวันสอบ คือ 11 มีนาคม 2566, 6 พฤษภาคม 2566 และ 3 มิถุนายน 2566

สนามสอบ SAT มีที่ไหนบ้าง

SAT Score คะแนนสอบ SAT คำนวณอย่างไร ต้องใช้คะแนนเท่าไหร่

คะแนน SAT ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

SAT Evidence-Based Reading and Writing

เป็นข้อสอบ Reading และ Writing จะเป็นบทความให้อ่าน เน้นการอ่านแบบคิดวิเคราะห์ แล้วตอบคำถามให้ถูกต้อง เราต้องเจอทั้งวิชาวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวรรณกรรม คะแนนเต็มทั้งหมด 800 คะแนน

SAT Mathematics

มีทั้งส่วนที่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขและไม่ใช้เครื่องคิดเลข คะแนนทั้งหมดในส่วนนี้รวมกันแล้วเต็ม 800 คะแนนเหมือนกันค่ะ

เวลาในการทำข้อสอบ SAT ทั้งหมด 3 ชั่วโมง ดังนั้น ถ้าน้อง ๆ อยากได้คะแนนสูง ๆ ต้องมั่นใจว่าทำข้อสอบได้เร็ว ไว และถูกต้องด้วย

มาดูวิธีการคำนวณคะแนน SAT อย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบการตั้งเป้าหมายของน้อง ๆ แต่ละคนกัน

ในการเตรียมตัวสอบ SAT การคำนวณคะแนนนั้นเป็นอีกสิ่งที่เราจะลืมไม่ได้ เนื่องจากการคำนวณคะแนนนั้นมีกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อน ในบทความนี้เราจะมาทำให้มันง่ายขึ้น

SAT Score เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเป็นคะแนนที่สูงพอ?

โดยปกติแล้ว ประมาณ 75% ของคะแนนทั้งหมด จะถูกนับว่าสูงเพียงพอสำหรับการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยโดยสัดส่วนคะแนนจะอยู่ที่ประมาณ 1200-1210 ซึ่งเป็นคะแนนขั้นต่ำที่โดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ทั่วโลกต้องการ

ถ้าจะเข้า BBA CU (บัญชีอินเตอร์ จุฬาฯ) ต้องใช้ SAT Score เท่าไหร่?

จากค่าเฉลี่ยแล้วพบว่าคะแนนขั้นต่ำที่ต้องใช้จะอยู่ที่ 1350 หรือมากกว่า ตามค่าเฉลี่ยของแต่ละปี โดยจะเป็น 720-780 สำหรับ SAT Math และ 630 – 710 สำหรับ SAT Verbal (Reading and Writing)

แล้วค่าเฉลี่ยคะแนน SAT ทั่วโลกล่ะ อยู่ที่เท่าไหร่?

จากสถิติแล้วในปี 2018 คะแนนเฉลี่ยจากทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 1068 โดยมีช่วงคะแนนอยู่ที่ 400 ไปจนถึง 1600 

 

ผังคำนวนคะแนน SAT 

ในการสอบ SAT นั้นจะมีอยู่ 3 พาร์ทที่สำคัญ ได้แก่ Reading, Writing and Language และ Math ในแต่ละส่วนจะมีคะแนนดิบ (raw score) โดยคะแนนดิบเหล่านี้จะถูกคำนวณจากจำนวนข้อที่ถูกเท่านั้น

ก่อนจะคำนวนได้นั้นเราต้องทราบจำนวนข้อทั้งหมดของ แต่ละพาร์ทกันก่อน 

พาร์ท
จำนวนข้อ
Reading
52
Writing and Language
44
Math
58

คะแนนดิบ SAT 

อย่างที่ได้กล่าวไปนะครับว่าคะแนนดิบของ SAT จะถูกคำนวณจากคำตอบที่ถูกเท่านั้น นั่นหมายความว่าถูก 1 ข้อ น้อง ๆ จะได้รับ 1 คะแนน และจะไม่มีการหักคะแนนเพิ่มหากตอบผิด

ยกตัวอย่างเช่น หากตอบถูก 40 ข้อในพาร์ทใดพาร์ทหนึ่ง ก็จะได้รับคะแนนดิบ 40 คะแนน 

หลังจากนั้นคะแนนดิบที่ได้จากแต่ละพาร์ทจะถูกแปลงให้เป็นคะแนนรวม SAT ในช่วง 400 – 1600 โดยใช้ตารางเทียบแปลงคะแนน 

 

สัดส่วนการแปลงคะแนนของ SAT Score

ช่วงคะแนนที่ถูกแปลงจากคะแนนดิบของน้อง ๆ จะอยู่ในช่วง 200-800 ซึ่งจะมีทั้งหมดสองพาร์ทหลัก คือ Math และ Reading and Writing ซึ่งหมายความว่าคะแนนขั้นต่ำอยู่ที่ 400 และคะแนนเต็มสูงสุดอยู่ที่ 1600 

อย่างไรก็ตามในแต่ละพาร์ทนั้นมีวิธีการและสูตรการคำนวนคะแนนที่แตกต่างกันออกไป

ชาร์ตคำนวนคะแนน SAT ในแต่ละพาร์ท ทั้ง Math, Reading, และ Writing จะแตกต่างกันออกไป 

ในพาร์ท Math คะแนนดิบจะถูกคำนวณตามตารางข้างล่างนี้

Math Raw Score
Math Scaled Score
58
800
57
790
56
780
55
760
54
750
53
740
52
730
51
710
50
700
49
690
48
680
47
670
46
670
45
660
44
650
43
640
42
630
41
620
40
610
39
600
38
600
37
590
36
580
35
570
34
560
33
560
32
550
31
540
30
530
29
520
28
520
27
510
26
500
25
490
24
480
23
480
22
470
21
460
20
450
19
440
18
430
17
420
16
410
15
390
14
380
13
370
12
360
11
340
10
330
9
320
8
320
7
310
6
290
5
280
4
260
3
240
2
230
1
210
0
200

จากการอัปเดตล่าสุดของ College Board ได้มีการเปลี่ยนวิธีคำนวณคะแนนดิบให้เป็นคะแนนรวม โดยเฉพาะในส่วนของพาร์ท Reading and Writing ซึ่งเปลี่ยนจากการคำนวณแยกกันมาเป็นคำนวณรวมกันเพื่อให้ได้คะแนนในส่วนของ Verbal ออกมา

โดยคะแนนดิบจากทางฝั่งของ Reading และ Writing จะถูกแปลงออกเป็นคะแนนรวม 2 ชุด แต่ละชุดจะมีคะแนนอยู่ที่ 10-40 คะแนน หลังจากนั้นคะแนนทั้งสองพาร์ทที่ได้จะถูกนำมารวมกัน แล้วคูณ 10  จึงจะได้ออกมาเป็นคะแนนรวมของพาร์ท Verbal โดยคะแนนดิบสูงสุดจะอยู่ที่ 52 สำหรับพาร์ท Reading และ 44 สำหรับพาร์ท Writing ดังตารางต่อไปนี้

Raw Score
Reading Scaled Score
Writing Scaled Score
52
40
51
40
50
39
49
38
48
38
47
37
46
37
45
36
44
35
40
43
35
39
42
34
38
41
33
37
40
33
36
39
32
35
38
32
34
37
31
34
36
31
33
35
30
32
34
30
32
33
29
30
32
29
30
31
28
30
30
28
29
29
27
28
28
26
28
27
26
27
26
25
26
25
25
26
24
24
25
23
24
25
22
23
24
21
23
23
20
22
23
19
22
22
18
21
21
17
21
21
16
20
20
15
20
19
14
19
19
13
19
18
12
19
17
11
17
16
10
17
16
9
16
15
8
15
14
7
15
13
6
14
13
5
13
12
4
12
11
3
11
10
2
10
10
1
10
10
0
10
10

เมื่อทราบแบบนี้แล้ว สิ่งที่น้อง ๆ ควรทำ คือ หาจุดบกพร่องในพาร์ทต่าง ๆ จากการฝึกทำโจทย์บ่อย ๆ และนำคะแนนที่ได้มาคำนวณว่า ยังต้องเพิ่มเติมคะแนนในส่วนใดบ้าง โดยตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับเกณฑ์ที่คณะต้องการ ก็จะทำให้การทำข้อสอบ SAT ได้ถึงเป้าหมายนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินความสามารถน้อง ๆ ไป  ขอให้โชคดีกับการเตรียมตัวสอบกันทุกคน

 

อัปเดตคะแนน SAT ขั้นต่ำล่าสุด ใช้เข้าคณะอินเตอร์ประจำปี 2565 >>

Share this article