
น้องคนไหนอยากหาทางลัดเข้ามหาวิทยาลัยแบบรวดเร็วทันใจ และวางแผนอยากจะสอบเทียบวุฒิม.ปลาย พี่กริฟฟินขอแนะนำให้รู้จักกับ GED ที่เป็นการสอบเทียบวุฒิม.ปลายระบบอเมริกันที่ได้รับความนิยมสูงในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มของน้อง ๆ ที่เรียนแบบโฮมสคูล, น้องนักกีฬา, นักแสดง, ไอดอล หรือน้องคนอื่น ๆ ที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพทำให้ไม่สามารถลงเรียนในระบบปกติได้ ซึ่งถ้าใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อสอบ GED สอบอะไร ค่าสอบเท่าไร แนวข้อสอบเป็นยังไง ก็มาทำความรู้จักและเตรียมพร้อมก่อนสอบ GED ฉบับปี 2025 ไปพร้อมกับพี่กริฟฟินเลย
GED คืออะไร ?
General Educational Development หรือ GED คือ การสอบเทียบวุฒิในระบบอเมริกันที่มีระดับเทียบเท่ากับการเรียน High School ในระบบปกติ โดยทางกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยเองก็ให้การยอมรับว่าเป็นวุฒิการศึกษาแบบนานาชาติที่เทียบเท่ากับระดับชั้นมัธยมปลายเช่นกัน จึงทำให้สามารถยื่นเทียบวุฒิ GED เพื่อนำวุฒิไปใช้สมัครเรียนในมหาวิทยาลัยได้เทียบเท่ากับวุฒิม.ปลายปกตินั่นเอง
รูปแบบและโครงสร้างข้อสอบ GED
เนื่องจาก GED เป็นข้อสอบที่มีต้นกำเนิดมาจาก “สหรัฐอเมริกา” จึงทำให้ตัวข้อสอบเป็น “ภาษาอังกฤษ” ทั้งหมด แต่จะมีการสอบเพียงแค่ 4 รายวิชาเท่านั้น ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, สังคมศาสตร์, คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยสามารถเลือกลงสอบ “ทีละวิชา” ตามความพร้อมของแต่ละคนได้ ไม่จำเป็นต้องลงสอบทีเดียว 4 รายวิชา จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้เวลาในการเตรียมตัวสอบในแต่ละวิชาอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ถ้าลงสอบจนครบและผ่านทุกรายวิชาก็จะได้รับวุฒิ GED ที่สามารถนำเอาวุฒิไปยื่นเทียบในระบบเพื่อสมัครเรียนต่อได้เลยในทันที
GED จะแบ่งการสอบออกเป็น 2 รอบ คือ GED Ready และ GED รอบปกติ ซึ่งในระบบจะกำหนดให้ผู้สอบทุกคนผ่านการสอบ GED Ready ให้ครบถ้วนและผ่านทุกรายวิชาก่อน จึงจะปลดล็อกระบบการสมัครสอบ GED รอบจริงและเลือกลงสอบ GED ในรายวิชาต่าง ๆ มีรายละเอียดดังนี้
GED Ready
เป็นข้อสอบชุดทดลองของ GED ที่สร้างขึ้นมาให้ผู้สอบทุกคนได้ทดลองทำข้อสอบเสมือนจริงก่อนการสมัครสอบเพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบและเตรียมความพร้อมก่อนลงสอบจริง โดยตัว GED Ready จะมีจำนวนข้อสอบและระยะเวลาการสอบที่น้อยกว่า แต่จะมีความยากและคะแนนสอบเท่ากับข้อสอบจริง (คะแนนเต็ม 200 คะแนน กำหนดเกณฑ์ผ่านที่ 145 คะแนน)
GED รอบจริง
สำหรับการสอบ GED รอบจริงก็จะมีคะแนนเต็มของทุกรายวิชาจะอยู่ที่ 200 คะแนน กำหนดเกณฑ์ผ่านขั้นต่ำที่รายวิชาละ 145 คะแนน ซึ่งหากใครลงสอบแล้วได้คะแนนสูงกว่า 145 ก็จะถือว่าสอบผ่านในรายวิชานั้นและไม่จำเป็นต้องสอบซ้ำ แต่ถ้าลงสอบรอบแรกแล้วไม่ผ่าน ก็สามารถลงสอบซ้ำได้สูงสุดถึง 3 ครั้งติดกัน (หากลงสอบ 3 รอบติดแล้วยังไม่ผ่าน จะต้องเว้นระยะการสมัครสอบไปอีก 60 วัน ก่อนลงสอบรอบใหม่)
ทั้งนี้ การเข้าเรียนในบางคณะอาจมีการกำหนดคะแนน GED ในรายวิชาต่าง ๆ ที่มากกว่า 145 คะแนน ถ้าน้องคนไหนอยากยื่นเรียนต่อในคณะที่กำหนดคะแนนสูง และคะแนนสอบออกมามากกว่า 145 คะแนนแต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่คณะกำหนดก็สามารถทำเรื่องขอลงสอบซ้ำได้ แต่จะสามารถลง Rescore ได้เพียงแค่รายวิชาละ 1 ครั้งเท่านั้น
GED แต่ละรายวิชาสอบอะไรบ้าง มีกี่ข้อ พร้อมตัวอย่างข้อสอบ
อย่างที่ระบุไปข้างต้นว่าการสอบ GED จะมีข้อสอบทั้งหมด 4 รายวิชา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา โดยแต่ละรายวิชาจะมีรายละเอียด ดังนี้
GED RLA คืออะไร ?
ข้อสอบ GED RLA คือ ข้อสอบวัดทักษะด้านการอ่านและการใช้เหตุผล (Reasoning through Language Arts) ทำให้หลาย ๆ นิยมเรียกว่าเป็นข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ ข้อสอบวิชานี้จะมีจำนวนข้อสอบทั้งหมด 46 ข้อ แบ่งเป็นข้อสอบด้านการอ่าน (Reading) 45 ข้อ ที่จะวัดทั้งทักษะด้านการอ่านจับใจความ, การใช้งานแกรมมาร์ และการวิเคราะห์เนื้อหาที่โจทย์กำหนด ส่วนอีก 1 ข้อจะเป็นข้อสอบด้านการเขียน (Writing) ที่ผู้สอบจะต้องเขียน Essay วิเคราะห์และโต้แย้งข้อมูลที่โจทย์ระบุมาอย่างเป็นเหตุเป็นผล กำหนดเวลาการสอบทั้งหมด 150 นาที
ตัวอย่างข้อสอบของ GED RLA เช่น
ในข้อสอบข้อนี้ จะมีเนื้อเรื่องให้อ่านและทำการวิเคราะห์นิสัยของตัวละครในเรื่อง (Anne) โดยผู้สอบจะต้องลากคำศัพท์ไปวางลงในช่องที่กำหนดเอาไว้ นอกจากนี้ยังสามารถดูตัวอย่างแนวข้อสอบ GED RLA และเทคนิคพิชิตข้อสอบเพิ่มเติมได้
GED Math คืออะไร ?
ข้อสอบ GED Math คือ ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematical Reasoning) เน้นวัดทักษะพื้นฐานด้านการคิดคำนวณในระดับมัธยมปลาย มีข้อสอบทั้งหมด 46 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ข้อสอบที่ไม่อนุญาตให้ใช้งานเครื่องคิดเลข 5 ข้อ และข้อสอบส่วนที่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขในการคิดคำนวณได้ จำนวน 41 ข้อ โดยน้อง ๆ สามารถใช้งานเครื่องคิดเลขภายในระบบสอบได้เลย ไม่จำเป็นต้องพกเครื่องคิดเลขส่วนตัวไปเองแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมี Formula Sheet ที่รวมสูตรการคำนวณเอาไว้เป็นตัวช่วยอีกด้วย เนื้อหาการสอบจะประกอบไปด้วย คณิตศาสตร์พื้นฐาน, เรขาคณิต, พีชคณิต กราฟและฟังก์ชัน กำหนดเวลาสอบที่ 115 นาที
ตัวอย่างข้อสอบของ GED Math เช่น
โจทย์ข้อนี้จะอยู่ในหัวข้อ “เรขาคณิต” โดยถามเกี่ยวกับปริมาตรของรูปทรงกรวยตามภาพที่แนบมาข้างต้น ซึ่งผู้สอบจะสามารถกดใช้งานเครื่องคิดเลขและ Formula Sheet ที่อยู่บริเวณซ้ายบนเพื่อใช้ในการคำนวณได้ โดยสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับแนวข้อสอบ GED Math และเทคนิคพิชิตข้อสอบเพิ่มได้เลยที่ >> ตัวอย่างข้อสอบ
GED Science คืออะไร ?
ข้อสอบ GED Science คือ ข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์ เน้นวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยมปลายมีจำนวนข้อสอบราว 36-40 ข้อ (ขึ้นอยู่กับชุดข้อสอบ) เนื้อหาการสอบจะแบ่งออกเป็น ฟิสิกส์ 20%, ชีววิทยา 40% และข้อสอบวัดความรู้ด้านโลกและอวกาศ 40% โดยจะโจทย์ที่ให้ผู้สอบได้ตั้งสมมติฐานการทดลองทางวิทยาศาสตร์และอนุมานการทดลองต่าง ๆ ด้วย ข้อสอบในรายวิชานี้จะกำหนดเวลาสอบ 90 นาที
ตัวอย่างข้อสอบของ GED Science เช่น
ข้อคำถามนี้จะอยู่ในหัวข้อ “ชีววิทยา” โดยเป็นคำถามวัดความรู้เกี่ยวกับเรื่อง “โครโมโซม” และ “พันธุกรรม” ซึ่งน้อง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับแนวข้อสอบ GED Science พร้อมตัวอย่างข้อสอบเพิ่มเติมได้
GED Social Studies คืออะไร ?
ข้อสอบ GED Social Studies คือ ข้อสอบวิชาสังคมที่เนื้อหาการสอบจะเน้นไปที่ความรู้ด้านสังคมศึกษาของ “สหรัฐอเมริกา” เกือบทั้งหมด แต่น้อง ๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องท่องจำเยอะ เพราะโจทย์ส่วนใหญ่มักจะเป็น Passage มาให้อ่านนั่นเอง ข้อสอบวิชานี้จะมีจำนวนทั้งหมด 48-50 ข้อ (ขึ้นอยู่กับชุดข้อสอบ) แบ่งออกเป็นโจทย์ด้านการเมืองการปกครอง 50%, ประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา 20%, เศรษฐศาสตร์ 15% และภูมิศาสตร์โลก 15% โดยกำหนดเวลาการสอบ 70 นาที
ตัวอย่างข้อสอบของ GED Social Studies
โจทย์ข้อนี้จะให้ผู้สอบอ่านข้อมูลข้างต้นและลากกราฟ (แท่งสีน้ำเงิน) ที่ระบุจำนวนงบประมาณที่สูญเสียไปกับการทำสงครามมาวางตามลำดับให้ถูกต้อง โดยน้อง ๆ สามารถข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวข้อสอบ GED Social Studies และตัวอย่างข้อสอบรูปแบบอื่นได้
เทคนิคพิชิตข้อสอบ GED
ฝึกอ่านบทความภาษาอังกฤษให้หลากหลาย
ข้อสอบ GED จะมีทั้งหมด 4 รายวิชา ซึ่งแต่ละวิชาก็จะเน้นไปที่โจทย์รูปแบบ Passage เป็นหลัก จึงควรฝึกอ่านบทความภาษาอังกฤษให้มีความหลากหลายทั้งวรรณกรรม บทความวิชาการ ข่าวการเมืองและสังคมรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับคำศัพท์ประเภทต่าง ๆ จากนั้นจดคำศัพท์ที่พบบ่อยและไม่ทราบความหมายเอาไว้ท่องจำต่อเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย
ท่องศัพท์เฉพาะของแต่ละรายวิชา
น้องบางคนที่เรียนหลักสูตรไทยมาตลอดอาจจะไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์เฉพาะของแต่ละรายวิชา ทั้งในรายวิชาคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษาที่มีหัวข้อการสอบหลากหลาย จึงอยากแนะนำให้จดคำศัพท์เฉพาะของแต่ละรายวิชาเอาไว้เพื่อขยายคลังศัพท์ให้มากยิ่งขึ้น เวลาเจอศัพท์เฉพาะของวิชานั้น ๆ จะได้ไม่งงนั่นเอง
ฝึกทำข้อสอบตัวอย่างและจับเวลาขณะทำสอบ
นอกจากจะลองฝึกทำข้อสอบตัวอย่างแล้ว พี่กริฟฟินขอแนะนำให้ทำการจับเวลาขณะทำสอบควบคู่กันไปด้วย เพราะการบริหารเวลาเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลย เนื่องจากข้อสอบมีจำนวนโจทย์ค่อนข้างเยอะ และโจทย์ส่วนใหญ่ก็เป็น Passage ค่อนข้างยาว จึงควรจับเวลาขณะฝึกทำข้อสอบ Practise Test เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบแต่ละวิชาและสามารถบริหารการทำสอบได้ทันเวลา
ตั้งเป้าหมายการอ่านสอบในแต่ละวัน
พี่กริฟฟินไม่แนะนำให้อัดเนื้อหาการเรียนทุกรายวิชาหรือทุกหัวข้อภายในวันเดียว แต่อยากแนะนำให้ร่างแผนการอ่านสอบออกมาคร่าว ๆ โดยอาจแบ่งตามหัวข้อการสอบตามแนวข้อสอบแต่ละวิชา จากนั้นตั้งเป้าหมายการอ่านและฝึกทำโจทย์ในแต่ละวันเพื่อโฟกัสกับหัวข้อที่อยากติวเข้มในวันนั้น ๆ อย่างเต็มที่
ติวเข้มเสริมความมั่นใจ
ถ้าใครมีเวลาเตรียมตัวสอบน้อย หรืออยากเสริมความมั่นใจก่อนลงสมัครสอบ GED การลงติวเพิ่มก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด แนะนำว่าให้มาติวที่ House of Griffin เพราะนอกจากทีมครูผู้เชี่ยวชาญทุกคนจะผ่านการ Training จาก GED Official แล้ว ยังเป็นสถาบันติวแบบ All-in-one Service ที่ใส่ใจผู้เรียนทุกคนอย่างเท่าเทียม พร้อมบริการให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนและช่วยเหลือด้านการลงสอบ GED Ready วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของผู้เรียนและปรับปรุงหลักสูตรการติวให้เหมาะสมกับผู้เรียนรายบุคคลจนสามารถสอบผ่านและคว้าวุฒิ GED ได้ภายใน 2 เดือน (ภายใต้เงื่อนไขที่สถาบันกำหนด)
คำถามที่พบบ่อย GED FAQs รวมฮิตคำถามยอดนิยม
1. ไม่เก่งอังกฤษ ลงสอบ GED ได้ไหม ?
สำหรับใครที่ไม่มั่นใจทักษะด้านภาษาอังกฤษของตัวเองและกังวลว่าภาษาอาจเป็นอุปสรรคในการสอบ ทาง House of Griffin ก็มีตัวเลือกคอร์ส Foundation English เพื่อปรับพื้นฐานภาษาให้เลือกลงเรียนก่อนลงคอร์สติว GED ด้วย รวมถึงมีทีมผู้ช่วยคอยให้คำปรึกษาและวางแผนการเรียนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
2. เรียน GED ควบกับการเรียนปกติได้ไหม ?
น้อง ๆ สามารถเรียน GED ควบคู่ไปกับการเรียนปกติได้เลย เพราะ GED ไม่มีคลาสเรียนแบบการเรียนในระบบทั่วไป จึงสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองจากที่บ้านได้ทุกที่ ทุกเวลา เมื่อพร้อมก็สามารถสมัครสอบได้ตามสะดวก จึงไม่กระทบกับการเรียนปกติทั้งการเรียนในระบบไทยและการเรียนนานาชาติอย่างแน่นอน
3. GED ยื่นเข้าเรียนที่ไหนได้บ้าง ?
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่มีการเปิดสอนในหลักสูตรอินเตอร์ กำหนดให้สามารถใช้วุฒิ GED ยื่นเข้าสมัครเรียนในระดับปริญญาตรีได้ ทั้ง จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์, มหิดล, มศว, เกษตรศาสตร์, ศิลปากร, พระจอมเกล้าฯ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนชั้นนำอีกมากมาย โดยส่วนใหญ่มักจะระบุให้ยื่นผลคะแนนภาษาอังกฤษควบคู่ไปกับการสมัครเรียนด้วย แต่บางคณะก็อาจมีเรียกขอคะแนนความถนัดอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น คะแนนความถนัดทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ จึงแนะนำให้ตรวจสอบเกณฑ์การรับสมัครนักศึกษาของแต่ละคณะวิชาให้ละเอียดก่อนยื่นสมัครเรียน
4. วุฒิ GED ยื่นเรียนต่อต่างประเทศได้ไหม ?
หลายประเทศทั่วโลกให้การยอมรับวุฒิ GED ว่าเป็นหนึ่งในวุฒิการศึกษาที่สามารถใช้ยื่นเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่เป็นถิ่นกำเนิดของข้อสอบ GED แต่ในประเทศอื่น ๆ อย่าง อังกฤษ, ออสเตรเลีย และมหาวิทยาลัยในยุโรปส่วนหนึ่งเปิดรับวุฒินี้ด้วยเช่นกัน แต่บางคณะวิชาหรือบางมหาวิทยาลัยอาจยังไม่รับวุฒินี้ จึงควรศึกษารายละเอียดเกณฑ์การรับสมัคร (Requirement) ก่อนการสมัครเรียนทุกครั้ง
5. มีวุฒิ GED แล้ว จะเทียบวุฒิม.ปลายได้ยังไง ?
ถ้าใครลงสมัครสอบ GED ผ่านครบทุกรายวิชา และได้ผลคะแนนตามที่คาดหวังเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยก็สามารถยื่นขอใบรับรองเทียบวุฒิการศึกษา (Equivalence Certificate) และใบเทียบผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX Equivalence Certificate) ที่เว็บไซต์ https://hsces.atc.chula.ac.th ได้เลย และหากน้อง ๆ มีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ “FAQs รวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการสอบ GED” ได้ ที่นี่ หรือทักมาปรึกษาพี่กริฟฟินได้เลย
6. ค่าสมัครสอบ GED เท่าไหร่ ?
อัตราค่าสมัครสอบ GED ในปี 2025 แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ค่าสอบ GED Ready รายวิชาละ 7.99$ โดยสามารถเลือกสอบแบบ Bundle รวดเดียว 4 รายวิชาในราคา 25.99$ (จากราคาปกติ 31.96$) ได้ และค่าสอบ GED รายวิชาละ 85$ รวมค่าสมัครสอบ 4 รายวิชาจะอยู่ที่ 340$ (ไม่มีส่วนลดพิเศษกรณีลงสอบ 4 รายวิชาพร้อมกัน)
7. วิธีสมัครสอบ GED ทำอย่างไร ?
สมัครสอบผ่านเว็บไซต์ https://www.ged.com/ โดยสามารถเลือกวันและเวลาการสอบได้ทุกวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่ช่วงเวลา 9:00 – 16:00 น. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสมัครสอบ GED แบบ Step by step ได้ที่นี่
8. สถานที่สอบหรือศูนย์สอบ GED 2025 มีที่ไหนบ้าง ?
ตอนนี้ประเทศไทยมีศูนย์สอบ GED อยู่ทั้งหมด 12 แห่ง ทั้งที่กรุงเทพและต่างจังหวัด ดังนี้
– มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT)
– มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
– มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (Assumption University) วิทยาเขตสุวรรณภูมิ
– Pearson Professional Centers-Bangkok (กรุงเทพ)
– Paradigm Education (กรุงเทพ)
– มหาวิทยาลัยบูรพา
– มหาวิทยาลัยพายัพ เขตแม่คาว
– Movaci (จังหวัดเชียงใหม่)
– มูลนิธิเดอะเบย์เครือข่ายเพื่อการศึกษา – Thabyay Education Foundation (จังหวัดตาก)
– Greater Good Education Co., Ltd. (จังหวัดขอนแก่น)
– โรงเรียนสอนภาษาภูเก็ตอะคาเดมิคส์ – Phuket Academic Language School (จังหวัดภูเก็ต)