Skip to content

IELTS Band Score คืออะไร แบ่งเป็นกี่ระดับ คิดคำนวณคะแนนอย่างไร

ถ้าใครกำลังเตรียมตัวจะไปสอบ IELTS หรือวางแผนที่จะไปสอบในเร็ว ๆ นี้ คงเคยได้ยินคำว่า IELTS Band Score กันมาบ้างอย่างแน่นอน ซึ่งก็คือคะแนนสอบ IELTS นั่นเอง แต่คะแนน IELTS นั้นก็มีการแบ่งเป็นหลายระดับ รวมถึงมีเกณฑ์การคิดคะแนนที่ต่างกันออกไป วันนี้พี่กริฟฟินเลยจะมาอธิบายว่าคะแนนสอบ IELTS คืออะไร ? มีคะแนนเต็มเท่าไร ? แบ่งออกเป็นกี่ระดับ และมีวิธีคิดคะแนนยังไง เพื่อที่ทุกคนจะได้ตั้งเป้าหมายคะแนนที่ต้องการได้

IELTS Band Score คืออะไร

IELTS Band Score คือ คะแนนผลการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของข้อสอบ IELTS (International English Language Testing System) ที่ระบุความสามารถทางการใช้งานภาษาอังกฤษของผู้สอบทั้ง 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง (Listening) การพูด (Speaking) การอ่าน (Reading) และการเขียน (Writing) อย่างครบถ้วน รวมไปถึงมีการรวมคะแนนทั้งหมดเพื่อมาหาค่าเฉลี่ยในทุกทักษะ (Overall) อีกด้วย ซึ่งคะแนน IELTS ก็สามารถนำเอาไปใช้ยื่นเรียนต่อมหาวิทยาลัย หรือยื่นเข้าทำงานในองค์กรชั้นนำได้ทั่วโลกเลยทีเดียว

ทั้งนี้ คะแนนสอบ IELTS จะมีอายุการใช้งาน 2 ปีนับจากวันที่ผลสอบออกเท่านั้น หากคะแนนสอบหมดอายุแล้วจะต้องทำการสอบใหม่ก่อนนำเอาคะแนนไปใช้งานอีกครั้งหนึ่ง

โครงสร้าง IELTS Band Score แบ่งเป็นกี่ระดับ

ข้อสอบ IELTS จะมีการแบ่งระดับคะแนนของผู้สอบออกเป็น 10 ระดับ (Band) ตั้งแต่ 0 – 9 คะแนน บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในการใช้งานภาษาอังกฤษของผู้สอบทั้งในภาพรวมและแยกย่อยแต่ละทักษะ โดยโครงสร้างของคะแนนสอบออกเป็นตามตาราง ดังนี้

คะแนน ความหมาย ระดับการใช้งานภาษา
Band 0 Did not attempt the test ไม่เข้ารับการทดสอบ
Band 1 Non-user ไม่สามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ สามารถใช้คำศัพท์ได้เพียงบางคำเท่านั้น
Band 2 Intermittent User สามารถใช้งานภาษาอังกฤษได้แบบไม่ต่อเนื่อง ทำความเข้าใจและสื่อสารผ่านคำศัพท์ออกมาได้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสถานการณ์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเท่านั้น
Band 3 Extremely Limited User สามารถใช้งานภาษาอังกฤษได้ในระดับจำกัดมาก ทำความเข้าใจและสื่อสารภาษาอังกฤษได้เฉพาะในสถานการณ์ที่คุ้นเคยเท่านั้น
Band 4 Limited User สามารถใช้งานภาษาอังกฤษได้ในระดับจำกัด สื่อสารได้เฉพาะในสถานการณ์ที่คุ้นเคย และมีข้อผิดพลาดในการใช้งานภาษาอังกฤษภายใต้สถานการณ์อื่น ๆ ค่อนข้างมาก
Band 5 Modest User สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับพื้นฐาน สื่อสารในสถานการณ์ที่คุ้นเคยได้ดีและทำความเข้าใจสถานการณ์โดยรวมได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังพบข้อผิดพลาดในการใช้งานภาษาในสถานการณ์ที่ซับซ้อน
Band 6 Competent User สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับค่อนข้างดี ทำความเข้าใจสถานการณ์โดยรวมได้ค่อนข้างชัดเจน แต่อาจมีความผิดพลาดในการใช้งานภาษาในบางสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน
Band 7 Good User สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่อาจมีข้อผิดพลาดในการใช้งานภาษาอังกฤษในบางสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
Band 8 Very Good User สามารถใช้ภาษาอังกฤษในระดับสูงได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน แต่อาจมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยในการใช้งานบางสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
Band 9 Expert User สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญและมีประสิทธิภาพสูง มีความเข้าใจในภาษาอังกฤษดีเยี่ยมและสามารถใช้งานภาษาได้อย่างคล่องแคล่วในระดับใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา

เกณฑ์การให้คะแนน IELTS

ในส่วนของเกณฑ์การให้คะแนนข้อสอบ IELTS จะมีเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไปตามทักษะ (Part) ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการให้คะแนนจากจำนวนข้อคำถามที่ตอบถูกในพาร์ท Listening และ Reading ส่วนในพาร์ทของ Writing และ Speaking จะมีเกณฑ์การให้คะแนนเฉพาะ ดังนี้

1. เกณฑ์การให้คะแนนของ IELTS Listening Score และ IELTS Reading Score

ข้อสอบ IELTS ของพาร์ทการฟัง (Listening) และการอ่าน (Reading) จะมีข้อคำถามทั้งหมด 40 ข้อ กำหนดคะแนนข้อละ 1 คะแนน มีคะแนนดิบ (Raw Score) ทั้งหมด 40 คะแนน และสามารถเทียบคะแนนกับ IELTS Band Score ได้ ตามตารางด้านล่างนี้เลย

คะแนนดิบ (Raw Score) Band Score*
39-40 9.0
37-38 8.5
35-36 8.0
32-34 7.5
30-31 7.0
26-29 6.5
23-25 6.0
19-22 5.5
15-18 5.0
13-14 4.5
10-12 4.0
7-9 3.5
5-6 3.0
4 2.5
3 2.0
2 1.5
1 1.0
0 0

*คะแนนโดยเฉลี่ย อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความยาก-ง่ายของข้อสอบแต่ละชุด

2. เกณฑ์การให้คะแนน IELTS Writing Score

สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนข้อสอบ IELTS ในพาร์ทการเขียน (Writing) ที่มีข้อสอบทั้งหมด 2 ข้อ ก็จะมีการแบ่งสัดส่วนคะแนนออกเป็น 30-70 โดยข้อสอบ IELTS Writing Task 1 จะมีการคิดคะแนน 30% ส่วน IELTS Writing Task 2 จะอยู่ที่ 70% และกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนในแต่ละพาร์ทเอาไว้ ดังนี้

  • Task Achievement/Response (การตอบคำถามอย่างถูกต้อง) สามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตรงประเด็น เขียนขยายความและอ้างอิงข้อมูลหลักฐานได้
  • Coherence and Cohesion (ความสอดคล้องเชื่อมโยง) สามารถเชื่อมโยงประโยคและเนื้อหาได้อย่างลื่นไหลและมีความสอดคล้องกัน จัดแบ่งย่อหน้าและโครงสร้างประโยคได้อย่างถูกต้อง
  • Lexical Resource (ความหลากหลายของคลังคำศัพท์) สามารถเลือกใช้คำศัพท์ได้อย่างถูกต้องและมีความหลากหลาย เหมาะสมกับบริบท
  • Grammatical Range and Accuracy (ความถูกต้องของไวยากรณ์) สามารถใช้ไวยากรณ์ได้อย่างหลากหลายและถูกต้อง เหมาะสมกับบริบทของข้อคำถาม

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญของการให้คะแนนในพาร์ท Writing คือ “จำนวนคำ” ที่กำหนดเอาไว้แต่ละข้อ หากเขียนออกมาได้ดีแต่จำนวนคำไม่ครบถ้วนก็จะทำให้โดนหักคะแนนเช่นกัน

3. เกณฑ์การให้คะแนน Speaking Score

ในส่วนของเกณฑ์การให้คะแนนข้อสอบ IELTS Speaking ก็จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อ ได้แก่

Fluency and coherence (ความคล่องและความเชื่อมโยงของเนื้อหา) สามารถตอบคำถามได้อย่างลื่นไหลและคล่องแคล่ว สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาได้อย่างเป็นลำดับโดยมีการใช้โครงสร้างประโยคและเลือกใช้คำเชื่อมประโยคอย่างถูกต้อง

Lexical resource (คลังคำศัพท์ที่มีความหลากหลาย) สามารถเลือกใช้คำศัพท์และสำนวนในการพูดได้อย่างหลากหลายและเหมาะสมกับบริบทการพูดหรือเล่าเรื่องในสถานการณ์นั้น ๆ

Grammatical range and accuracy (ความถูกต้องของไวยากรณ์) สามารถพูดได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์อย่างครบถ้วนและเหมาะสม ไม่ผสมไวยากรณ์สลับไปมาในประโยคเดียว

Pronunciation (การออกเสียง) สามารถออกเสียงคำศัพท์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย มีการลงเสียงหนักเบาหรือการลดรูปเสียงได้ถูกต้อง

ทั้งนี้ จากเกณฑ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่าไม่มีข้อไหนที่พูดถึง “สำเนียง” ของผู้สอบเลย ดังนั้นน้อง ๆ จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าถ้าพูดติดสำเนียงไทยแล้วจะได้คะแนนน้อย หากออกเสียงได้อย่างชัดเจนและถูกต้องก็มีสิทธิที่จะได้คะแนนสูง ๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ IELTS Speaking ยังเป็นการสอบพูดกับผู้คุมสอบโดยตรง จึงสามารถพูดคุยซักถามข้อสงสัยเพิ่มเติมได้อีกด้วย

วิธีคิดคะแนน IELTS

ในส่วนของวิธีการคิดคะแนน IELTS Band Scores ก็จะแบ่งเป็นคะแนนของทักษะ (Skill Test) และคะแนนในภาพรวม (Overall) ที่จะมีคะแนนตั้งแต่ 1.0 – 9.0 โดยบวกเพิ่มขึ้นทีละ 0.5 คะแนน (ยกเว้น 0 คะแนน ที่หมายถึงไม่ได้ทำข้อสอบในส่วนนั้น) ซึ่งเมื่อนำคะแนนสอบของทั้ง 4 ทักษะมารวมกันแล้วหาร 4 ก็จะได้เป็นคะแนนสอบ Overall นั่นเอง วิธีการคิดคะแนนจะใช้การปัดเศษขึ้นทั้งหมด เช่น หากหารออกมาแล้วได้ค่าเฉลี่ยเป็นเศษ 0.25 จะปัดคะแนนขึ้นเป็น 0.5 และหากได้คะแนน 0.75 จะปัดเศษขึ้นเป็น 1.0 ในทันที

ตารางเกณฑ์คะแนนของคณะยอดฮิตแต่ละมหาวิทยาลัย

คณะ/มหาวิทยาลัย คะแนน IELTS ขั้นต่ำ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย CU (หลักสูตรนานาชาติ)
คณะอักษรศาสตร์ (BALAC) ไม่ต่ำกว่า  7.0
คณะบริหารธุรกิจ (BBA) 6.5
คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ISE/ ChPE) 6.0
คณะนิเทศศาสตร์ (CommArts) 6.5
คณะสถาปัตยกรรม (INDA) 6.0
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ TU (หลักสูตรนานาชาติ)
คณะบริหารธุรกิจ (BBA) 6.0
คณะรัฐศาสตร์ (BIR) 6.0
คณะนิติศาสตร์ (LL.B.) 6.0
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (BJM) 6.0
คณะวิศวกรรมศาสตร์ (TEP-TEPE) 6.0
มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรนานาชาติ (MUIC)
สาขาวิชาบริหารธุรกิจ 6.0
สาขาวิชาสื่อและการสื่อสาร 6.0
สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ 6.0
สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 6.0
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ 6.0
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ KU (หลักสูตรนานาชาติ)
คณะเกษตร สาขาวิชาเกษตรเขตร้อน (BSTA) 5.0
คณะวิศวกรรมศาสตร์ (IUP) 5.5
คณะอุตสาหกรรมเกษตร (AIIP) 5.5
คณะบริหารธุรกิจ (BBA) 5.5
คณะเศรษฐศาสตร์ (BEcon)  5.0

 

ทั้งนี้ เกณฑ์คะแนนข้างต้นอ้างอิงมาจากประกาศรับสมัครของมหาวิทยาลัยในรอบปีการศึกษา 2568 คะแนนอาจมีการปรับเปลี่ยนตามปีการศึกษาที่ลงเรียน รวมไปถึงบางคณะอาจกำหนดให้ผู้สมัครยื่นคะแนนผลทดสอบความถนัดในรายวิชาอื่น ๆ ร่วมด้วย จึงควรศึกษาเกณฑ์การรับสมัครให้ละเอียดก่อนลงสมัครเรียนทุกครั้ง

เตรียมตัวสอบ IELTS ยังไงให้ได้ IELTS Band Score สูง

ถ้าใครอยากได้วิธีเตรียมสอบ IELTS ให้ออกมาได้คะแนนสูง ๆ อย่างที่คาดหวัง พี่กริฟฟินก็เอา 5 เทคนิคการเตรียมสอบมาฝากกัน

1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบ IELTS และตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

อันดับแรกก่อนที่จะเริ่มเตรียมสอบ น้อง ๆ ควรทำความรู้จักกับข้อสอบ IELTS คืออะไร แบบเจาะลึก เพื่อให้เข้าใจถึงโครงสร้างของข้อสอบและเนื้อหาการสอบ รวมไปถึงระยะเวลาการสอบและแนวข้อสอบในพาร์ทต่าง ๆ จากนั้นกำหนดเป้าหมายคะแนนในใจ โดยอาจยึดจากเกณฑ์การรับสมัครขั้นต่ำของแต่ละคณะ หรือเกณฑ์การรับเข้าทำงานขององค์กรที่ต้องการ

2. ฝึกพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน

ฝึกพัฒนาทักษะด้านการฟังและอ่านผ่านการดูหนัง, ซีรีส์, สารคดี หรือข่าวในฉบับภาษาอังกฤษ โดยเปิดซับไตเติลภาษาอังกฤษเอาไว้ เพื่อที่จะได้ฝึกทักษะด้านการฟังไปพร้อม ๆ กับการอ่าน จากนั้นให้ลองจับใจความสำคัญและสรุปออกมาผ่านการฝึกพูดและเขียนสรุป

3. ฝึกท่องศัพท์

ถ้าดูจากเกณฑ์การให้คะแนนข้อสอบ IELTS ก็จะเห็นว่ามีส่วนที่เป็น Lexical resource หรือความหลากหลายของคลังคำศัพท์ระบุเอาไว้ในพาร์ท Writing และ Speaking ดังนั้นน้อง ๆ จึงควรท่องศัพท์ให้มีตัวเลือกคำศัพท์ในคลังอย่างหลากหลายทั้ง Synonyms (คำพ้องความหมาย) และ Antonyms (คำตรงข้าม) เพื่อที่จะได้สามารถหยิบมาใช้งานได้ถูกต้อง รวมไปถึงข้อสอบในพาร์ท Listening และ Reading ก็มีการใช้คำศัพท์ที่มีความซับซ้อนในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน

แจกคำศัพท์ IELTS ออกบ่อย

4. จัดตารางการอ่านหนังสือและฝึกทำข้อสอบ

จัดตารางการอ่านสอบแต่ละพาร์ท โดยอาจแบ่งวันฝึกฝนตามทักษะหรือหัวข้อการสอบ จากนั้นลองหาแนวข้อสอบ IELTS เก่า ๆ มาลองฝึกทำโดยจับเวลาการฝึกเหมือนเวลาการสอบจริงเพื่อสร้างความคุ้นเคยและฝึกการบริหารเวลาในการทำสอบ จากนั้นตรวจคำตอบและทวนจุดที่ผิดพลาดเพื่อทำความเข้าใจจุดอ่อนของตัวเองและกลับไปทบทวนเนื้อหาในส่วนนั้น

5. ลงติวสอบ IELTS กับผู้เชี่ยวชาญ

หากใครไม่มั่นใจในการติวสอบด้วยตัวเองและอยากให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยให้คำแนะนำในการเตรียมตัวและติวสอบ ที่ House of Griffin ก็มีคอร์สติว IELTS ที่เน้นการติวสอบแบบครอบคลุมทักษะ 4 ด้าน ทั้ง Reading, Writing, Listening, Speaking พร้อมเสริม Grammar และขยายคลังศัพท์ให้กับผู้เรียนทุกคนจนสามารถ สอบ IELTS ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก อีกทั้งยังมีคอร์สแบบการันตีคะแนนสอบ IELTS 6.0 ให้เลือกเรียนอีกด้วย (เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันกำหนด)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ IELTS Band Score

ข้อสอบ IELTS คะแนนเต็มเท่าไร

สำหรับคะแนนสอบ IELTS ระดับสูงสุดจะอยู่ที่ Band 9.0 (Expert User) ที่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับเทียบเคียงกับเจ้าของภาษา

ได้คะแนน IELTS Band Score ออกมาน้อยกว่าที่คิด ขอตรวจผลสอบซ้ำได้ไหม?

สามารถทำได้การ Remark คะแนน IELTS ได้ แต่จะต้องทำการชำระค่าดำเนินการตรวจผลสอบซ้ำกับทางศูนย์สอบเป็นมูลค่า 4,200 บาท หากตรวจผลสอบซ้ำแล้วพบว่าคะแนนสอบคลาดเคลื่อนไปจากผลสอบเดิม ทางศูนย์สอบจะดำเนินการคืนค่าธรรมเนียมทั้งหมดให้ แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าคะแนนเท่าเดิมจะไม่ได้เงินคืน

สอบ IELTS แยกพาร์ทได้ไหม?

หากเป็นการสอบในรอบปกติจะไม่อนุญาตให้เลือกสอบทีละพาร์ท ยกเว้นข้อสอบ IELTS Speaking ที่สามารถเลือกวันสอบเป็นช่วงวันอื่นของสัปดาห์เดียวกันกับที่ทำการสอบ Listening, Reading และ Writing ได้

แต่สำหรับใครที่ลงสอบครบทุกทักษะแล้ว ต้องการที่จะลงสอบซ่อมแค่บางวิชา (IELTS Retake) สามารถเลือกสมัครสอบใหม่ได้ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม IELTS One Skill Retake ทั้งนี้มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจมีกฎระบุว่าไม่รับคะแนนสอบ IELTS Retake จึงแนะนำให้ทำการตรวจสอบรายละเอียดก่อนลงสมัครสอบ เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาและเสียค่าสมัครสอบไปฟรี ๆ นั่นเอง

House of Griffin เสริมทักษะอย่างตรงจุดสู่คะแนนที่คาดหวัง

หากน้องคนไหนอยากเพิ่มทักษะให้ตัวเองสามารถพิชิตข้อสอบ IELTS ยังไงให้ได้ IELTS Band Score สูง ๆ แนะนำให้มาติวที่ House of Griffin น้องแต่ละคนจะได้เรียนรู้ทำความเข้าใจข้อสอบแต่ละแบบได้อย่างตรงจุด ได้เทคนิคลับพิชิตคะแนนจากคุณครูของเรา ฝึกทำข้อสอบย้อนหลังจนชินมือ รวมถึงเก็งข้อสอบออกบ่อย คว้าคะแนนตามเป้าได้อย่างแน่นอน เลือกคอร์ส IELTS ที่เหมาะกับตัวเองได้เลย

Share this article