
น้องคนไหนอยากเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศ หรืออยากเข้าหลักสูตรอินเตอร์ในไทยด้วยการสอบเทียบวุฒิในระบบอังกฤษ นอกจากการเรียนและสอบ IGCSE แล้ว จะต้องสอบ A-Level ควบคู่กันไปด้วยเพื่อที่จะได้สามารถทำเรื่องยื่นเทียบวุฒิได้อย่างราบรื่น แต่สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าหลักสูตร A-Level คืออะไร ต่างจาก AS-Level ยังไง ต้องสอบกี่วิชา ไปจนถึงแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนสอบ พี่กริฟฟินก็จะพาไปทำความรู้จักกับหลักสูตรนี้กันให้มากขึ้น
หลักสูตร A-Level คืออะไร ?
A-Level คือหลักสูตรการศึกษาขั้นสูงในระบบการศึกษาของสหราชอาณาจักรและประเทศอังกฤษ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า The General Certificate of Education Advanced Level Certificate (GCE A-Level) ซึ่งอยู่ในการดูแลของทาง Cambridge เป็นหลักสูตรที่มีเนื้อหาการเรียนการสอนต่อเนื่องมาจาก IGCSE โดยกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยให้การยอมรับว่า A-Level เป็นวุฒิการศึกษาที่เทียบเท่ากับวุฒิในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) และสามารถใช้วุฒินี้ในการยื่นสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีผ่านระบบ TCAS ได้ นอกจากนี้น้อง ๆ ยังสามารถนำเอาวุฒิ A-Level ไปยื่นเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศได้อีกด้วย
การเรียนการสอนของหลักสูตรจะบังคับให้ผู้เรียนเลือกลงเรียนขั้นต่ำปีละ 3 รายวิชา โดยผู้เรียนจะสามารถเลือกรายวิชาการเรียนได้เองตามความสนใจส่วนตัว มีระยะเวลาการเรียนทั้งหมด 2 ปี และแบ่งการเรียนออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่
AS-Level (Advanced Subsidiary Level) เป็นการเรียนในปีแรกของ A-Level ซึ่งจะเทียบเคียงกับการเรียน Year 12 ในระบบอังกฤษ โดยหากลงเรียนและสอบครบ 3 รายวิชาในระดับนี้ก็จะสามารถจบการศึกษาด้วยวุฒิ AS-Level ซึ่งเป็นวุฒิครึ่งหนึ่งของหลักสูตรนี้เท่านั้น
A2-Level เป็นการเรียนต่อมาจาก AS-Level หรือการเรียนปีที่ 2 ที่เทียบเท่าการเรียน Year 13 นั่นเอง ซึ่งหากลงสอบขั้นต่ำที่ 3 รายวิชาก็จะได้รับวุฒิ A-Level และสามารถนำเอาไปยื่นเทียบวุฒิในระบบเพื่อยื่นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในคณะที่ต้องการได้แล้ว
หลักสูตร A-Level เรียนอะไร มีวิชาอะไรบ้าง ?
สำหรับวิชาการเรียนในหลักสูตรจะมีความคล้ายคลึงกันกับของหลักสูตร IGCSE เลย คือ สามารถแบ่งรายวิชาย่อยออกเป็น 6 หมวดหลัก ๆ ใน 60 รายวิชา มีรายละเอียดดังนี้
- กลุ่มวิชาหมวดภาษาอังกฤษและวรรณกรรม (English language and literature) ประกอบไปด้วยรายวิชาภาษาอังกฤษที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน, วิชาวรรณกรรมที่เน้นทักษะด้านการตีความและวิเคราะห์วรรณกรรม และวิชาการเขียนภาษาอังกฤษ
- คณิตศาสตร์ (Mathematics) ประกอบไปด้วย รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน และคณิตศาสตร์เพิ่มเติม (Mathematics – Further) โดยหากต้องการลงวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติมจะต้องลงเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานก่อน
- วิทยาศาสตร์ (Sciences) ประกอบไปด้วย รายวิชาชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์, การจัดการสิ่งแวดล้อม และวิทยาศาสตร์ทางทะเล
- ภาษาศาสตร์ (Language) ประกอบไปด้วย รายวิชาภาษาแอฟริกัน, อารบิก, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส, สเปน, Tamil และ Urdu
- มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities and social science) ประกอบไปด้วย รายวิชาเศรษฐศาสตร์, ประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, กฎหมาย, ประวัติศาสตร์ยุโรป, ประวัติศาสตร์โลก, Global Perspectives & Research, อารยธรรมคลาสสิก, สังคมศึกษา จิตวิทยา ไปจนถึงรายวิชาด้านศาสนาอย่างไบเบิลศึกษา, อิสลามศึกษา และฮินดู
- ทักษะวิชาชีพและการสร้างสรรค์ (Creative and Professional) ประกอบไปด้วย รายวิชาด้านการบัญชี, ธุรกิจ, การละคร, สื่อ (Media Studies), ดนตรี, ทักษะการคิด, การท่องเที่ยว, การออกแบบและเทคโนโลยี, ศิลปะและการออกแบบ, การออกแบบสื่อดิจิทัล, Computer Science, Information Technology รวมไปถึงกีฬาและพลศึกษา
ทั้งนี้บางวิชาอาจเป็นการต่อยอดการเรียนในระดับ IGCSE ที่ระบุว่าจะต้องมีพื้นฐานการเรียนในรายวิชานั้น ๆ มาก่อนจึงจะสามารถลงเรียนในระดับ AS/A-Level ได้ รวมไปถึงบางวิชาก็อาจเป็นวิชาเฉพาะในระดับ AS-Level (การเรียนในปีแรก) เท่านั้น สามารถตรวจสอบรายชื่อรายวิชาอย่างละเอียดได้ ที่นี่
เลือกวิชา A-Level ยังไงดี ?
การเลือกเรียนวิชาในระดับ AS-Level และ A-Level ไม่ได้มีการกำหนดวิชาบังคับเหมือนกับการเรียน IGCSE แต่เป็นการเรียนเนื้อหาที่มีความเข้มข้นสูง เพราะในระยะเวลาการเรียนตลอด 2 ปี น้อง ๆ จะต้องเลือกวิชาเรียนเพียงปีละ 3 รายวิชาเป็นขั้นต่ำ โดยสามารถเลือกเรียนเพิ่มเป็น 4 วิชาได้ แต่ไม่แนะนำให้ลงเรียนเกิน 5 รายวิชา เพราะอาจทำให้โฟกัสกับการเรียนในรายวิชาสำคัญได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
ซึ่งการเลือกวิชาการเรียนของหลักสูตรก็ควรเลือกให้มีความสอดคล้องกับคณะที่ต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี โดยอาจเลือกต่อยอดการเรียนจากรายวิชาที่เคยเรียนในระดับ IGCSE ให้ลึกยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการเสริมทักษะและความรู้ให้แน่นก่อนการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย หรืออาจเลือกจากการดูเกณฑ์การรับสมัครนิสิตและนักศึกษาของคณะที่ต้องการจะเข้าว่าจำเป็นจะต้องใช้คะแนนรายวิชาไหนและเลือกวิชาเรียนตามที่คณะต้องการ ตัวอย่างเช่น หากตั้งใจอยากจะเรียนต่อคณะ ISE CU ในเกณฑ์การรับสมัครก็มีการระบุว่าจะต้องมีคะแนน A-Level ในรายวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics), ฟิสิกส์ (Physics) และเคมี (Chemistry) ก็สามารถเลือกวิชาการเรียนตามนี้ได้เลย ส่วนในปีถัดมาก็อาจเสริมวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม (Mathematics – Further) และรายวิชาอื่น ๆ อีก 2 วิชาในหมวดอื่น ๆ ที่สนใจอยากเรียนได้
คะแนน A-Level
คะแนนสอบของหลักสูตร A-Level จะแบ่งการให้เกรดตามระดับการเรียน โดยหากเลือกจบการศึกษาที่ระดับ AS-Level จะมีเกรด a, b, c, d และ e เท่านั้น แต่ถ้าเลือกเรียนต่อ A2-Level อีกปีจะมีการเพิ่มเกรดในระดับ A* ที่เป็นเกรดสูงสุดขึ้นมา ซึ่งเกรดนี้จะมีการคัดจากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดทั้งหมดในรายวิชานั้น ๆ เพียง 10% (ผู้ที่ได้คะแนน Top 10% ของผู้สอบทั้งหมด) ทั้งนี้เกณฑ์การรับนิสิตและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเรียกเกรดอยู่ที่ B-A (ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของแต่ละคณะ แนะนำให้ดูประกาศรับสมัครในปีที่ต้องการเข้าศึกษาเพื่อการอ้างอิง) ดังนั้นถ้าใครสอบแล้วไม่ได้ A* ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะโอกาสที่จะได้เกรดนี้มีน้อยมากนั่นเอง
คะแนน A-Level Predicted Grade คืออะไร ?
ถ้าใครดูประกาศรับสมัครของบางคณะอาจเห็นคำนี้ผ่านตามาและสงสัยว่ามันคืออะไร และต่างจากเกรด A-Level ปกติยังไง พี่กริฟฟินก็ขออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า A-Level Predict Grade คือ เกรดหรือคะแนน A-Level ที่ออกโดยโรงเรียนนานาชาติเท่านั้น เพราะจะเป็นเกรดที่อิงจากเกรดการเรียนใน Year 12 (AS-Level) ควบคู่ไปกับคะแนนจากการบ้านหรือผลงานอื่นในระหว่างการเรียน ซึ่งคะแนน A-Level Predict Grade จะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของครูผู้สอนแต่ละคนและไม่มีการการันตีว่าจะได้เกรดตามที่คาดการณ์จริง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว Predict Grade มักจะสูงกว่าเกรดของการสอบ A-Level แบบเพียว ๆ ประมาณ 1 ขั้น
วิธีการสมัครสอบ A-Level
น้องคนไหนเรียนในโรงเรียนนานาชาติที่ใช้ระบบการเรียนการสอนแบบหลักสูตรอังกฤษก็สามารถสอบกับทางโรงเรียนได้เลย ส่วนคนที่เรียนนอกระบบและอยากสอบเทียบวุฒิ A-Level เพิ่มเติม ก็สามารถสมัครสอบด้วยตัวเองกับ British Council ตามวิธีด้านล่างนี้เลย
- ไปที่เว็บไซต์ https://schoolexams.britishcouncil.org/select-country เลือกประเทศที่ต้องการสอบเป็นประเทศไทย แล้วกด Continue
- เลือกหน่วยงานจัดสอบเป็น Cambridge International จากนั้นกดเลือกรอบสอบ, ระดับการสอบ (AS/A-Level), ศูนย์สอบ* และรายวิชาที่ต้องการสอบ (เลือกวิชาที่ต้องการสอบพร้อมกันได้หลายวิชา)
- คลิกไปที่ตัวเลือกการสอบของแต่ละรายวิชาตามที่ต้องการ ซึ่งหากเป็นการเรียนต่อเนื่องจาก AS-Level ภายในระยะเวลา 13 เดือนก็สามารถเลือก “Carry Forward” เพื่อคิดเกรดรวมในรายวิชานั้นได้ แต่หากเป็นการลงเรียนครั้งแรกในรายวิชานั้น หรือลงสอบหลังจากการสอบในระดับ AS-Level เป็นเวลา 13 เดือนจะต้องเลือกสอบแบบ “Standard” รวมไปถึงในการสอบแต่ละวิชาก็จะมีตัวเลือกการสอบที่ต่างกัน เช่น สอบแบบปรนัยและอัตนัย หรือเลือกชุดข้อการสอบที่ต้องการในเชิงลึกได้ โดยกดไปที่ Add to Basket
- กดเลือกรายวิชาสอบที่ต้องการจนครบและไปที่ Proceed to basket จากนั้นเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกเพื่อชำระค่าสอบ
- ตรวจสอบรายละเอียดรายวิชาการสอบก่อนชำระเงิน เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยจะได้รับอีเมลรายละเอียดการสอบ และผู้สอบจะได้อีเมลเตือนเกี่ยวกับรายละเอียดการสอบอีกครั้งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์ก่อนวันสอบ
*ศูนย์สอบ A-Level ของ British Council จะอยู่ที่อาคารเวฟเพลส (Wave Place) ชั้น 8 ถนนเพลินจิต (BTS เพลินจิต)
ค่าสมัครสอบ A-Level เท่าไร
ในส่วนของอัตราค่าสมัครสอบ AS/A-Level ของปี 2025 จะอยู่ที่ 8,770 และ 13,120 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดการสอบของวิชานั้น ๆ โดยหากลงทะเบียนสมัครสอบล่าช้าจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมด้วย
A-Level สอบช่วงไหน สอบได้กี่ครั้ง
การสอบ AS/A Level จะจัดขึ้นเป็นจำนวน 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน (อาจเริ่มก่อนประมาณ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับปีที่เลือกสอบ) โดยผู้สอบจะต้องลงทะเบียนสอบก่อนวันสอบจริงอย่างน้อย 5-6 เดือนก่อนการสอบ โดยสำหรับรอบการสอบเดือนพฤศจิกายน 2568 ก็มีตารางการสอบดังนี้
สมัครสอบช่วงปกติ | 9 มิถุนายน ถึง 8 สิงหาคม 2568 |
สมัครสอบล่าช้า | 9 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2568 |
ประกาศผลสอบ | ช่วงกลางเดือน มกราคม 2569 |
รับใบประกาศนียบัตร | ช่วงปลายเดือน มีนาคม 2569 |
สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
วิธีเตรียมตัวก่อนสอบ A-Level ลงสอบยังไงให้ผ่านในรอบเดียว
สำหรับเคล็ดลับการเตรียมตัวก่อนสอบ A-Level คือสิ่งที่น้อง ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถดาวน์โหลดข้อสอบเก่าของวิชาที่ต้องการสอบมาทดลองทำโดยกดเข้าไปที่ รายวิชาการสอบ ที่ต้องการ จากนั้นไปที่ “Past papers, examiner reports and specimen papers” และเลือกดาวน์โหลดข้อสอบมาลองทำ จากนั้นค่อยดาวน์โหลดเกณฑ์การให้คะแนนของข้อสอบมาศึกษาเพื่อปรับปรุงการเขียนตอบของเราให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้พี่กริฟฟินแนะนำให้เลือกลองทำข้อสอบเก่าของ “ชุดข้อสอบ” ตัวเดียวกันกับที่เราเลือกลงสอบก่อน แล้วค่อยลองฝึกทำข้อสอบชุดอื่นในรายวิชาเดียวกัน
ลงติว A-Level กับ House of Griffin มั่นใจได้คะแนนสูง
เอาเป็นว่าหากใครต้องการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมหรือต้องการลง ติวสอบ A-Level เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนการสอบรอบจริงก็สามารถเลือกลงติวกับ House of Griffin ได้เลย โดยคอร์สติวของเราจะมีทั้งรายวิชาภาษาอังกฤษ English Language (9093), คณิตศาสตร์ Mathematics (9709), วิทยาศาสตร์ทั้งสามรายวิชาย่อย ได้แก่ Biology (9700), Chemistry (9701), Physics (9702) และรายวิชาด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์อย่างสังคมศึกษา Sociology (9699) และธุรกิจ Business Studies (9609) เลย ถ้าใครเล็งว่าจะสอบในรายวิชาเหล่านี้และยังไม่รู้ว่าจะเลือกติว A-Level ที่ไหนดี ก็สามารถทักเข้ามาปรึกษาพี่กริฟฟินได้เลย หรือหากต้องการเรียนในรายวิชาอื่นก็สอบถามเข้ามาได้เพื่อให้มั่นใจทุกครั้งที่สอบ