ใครที่กำลังวางแผนจะเตรียมสอบภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือใช้ยื่นสมัครงานและยื่นขอวีซ่า น่าจะคุ้นเคยกับข้อสอบ IELTS กันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับจากองค์กรภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษาชื่อดังกว่า 11,000 แห่ง ใน 140 ประเทศทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ชื่อว่าเป็นข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษสุดหินและสอบยากเป็นอันดับต้น ๆ ทำให้หลายคนกังวลและไม่กล้าไปสอบเนื่องจากกลัวว่าจะทำคะแนนได้ไม่ดี แต่ความจริงแล้วข้อสอบ IELTS ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และมี “Pattern” การสอบที่เป็นระบบ ซึ่งในบทความนี้ พี่กริฟฟินก็จะพาน้อง ๆ ไปทำความรู้จักกับแนวข้อสอบ IELTS พร้อมตัวอย่างข้อสอบแต่ละพาร์ทกัน
ข้อสอบ IELTS คืออะไร
ข้อสอบ International English Language Testing System หรือ IELTS คือ ข้อสอบวัดระดับความสามารถในการใช้งานภาษาอังกฤษอย่างครบถ้วนทั้ง 4 ทักษะ (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
- IELTS Academic สำหรับใช้เพื่อยื่นเรียนต่อมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี, โท, เอก เนื้อหาการสอบจะเจาะลึกไปที่การใช้คำศัพท์ในเชิงวิชาการเป็นหลัก
- IELTS General Training สำหรับใช้งานทั่วไป เช่น ยื่นสมัครงาน, ยื่นวีซ่า เป็นต้น โดยข้อสอบนี้จะเน้นการใช้คำศัพท์ทั่วไปแบบกึ่งทางการ ไม่ได้เน้นการใช้ศัพท์เชิงวิชาการ
รูปแบบและโครงสร้างข้อสอบ IELTS
รูปแบบข้อสอบ IELTS
ข้อสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ตาม “อุปกรณ์” ที่ใช้ทำสอบในพาร์ทของข้อสอบด้านการฟัง (Listening), ข้อสอบด้านการอ่าน (Reading), ข้อสอบด้านการเขียน (Writing) ส่วนในพาร์ทของการพูด (Speaking) จะต้องสอบพูดกับผู้คุมสอบแบบ Face-to-face ที่ศูนย์สอบเหมือนกัน ดังนี้
- การสอบรูปแบบกระดาษ (IELTS on Paper) ผู้สอบจะต้องทำข้อสอบบนกระดาษที่ทางศูนย์สอบแจกให้ โดยสามารถขีดเขียนบนข้อสอบได้อย่างอิสระ
- การสอบรูปแบบออนไลน์ (IELTS on Computer) ผู้สอบจะต้องทำสอบบนคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์สอบจัดไว้ โดยจะสามารถใช้ฟังก์ชันการไฮไลท์ข้อความหรือปรับขนาดตัวอักษรได้ และมีตัวช่วยการนับคำแบบอัตโนมัติในข้อสอบพาร์ท Writing
โครงสร้างของข้อสอบ IELTS
ในส่วนของโครงสร้างของข้อสอบ IELTS ก็จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนตาม “ทักษะ” ทั้ง 4 ด้าน ซึ่งจะแบ่งช่วงการสอบออกเป็น 2 ส่วน เรียงลำดับการสอบดังนี้
ข้อสอบส่วนแรก : จะเป็นข้อสอบในพาร์ทการฟัง (Listening) 30 นาที, การอ่าน (Reading) 60 นาที และการเขียน (Writing) 60 นาที ซึ่งผู้สอบจะต้องทำข้อสอบทั้ง 3 ทักษะนี้แบบต่อเนื่องในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาทีแบบไม่มีการพักเบรกระหว่างทาง ซึ่งระหว่างนี้สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำขณะสอบได้ แต่ไม่แนะนำให้ลุกไปห้องน้ำในช่วงการสอบ Listening เนื่องจากโจทย์จะเปิดเพียงรอบเดียวไม่วนซ้ำ หากลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงนี้จะเสียคะแนนสอบได้
ข้อสอบส่วนที่ 2 : จะเป็นข้อสอบในพาร์ทการพูด (Speaking) กำหนดเวลาการสอบประมาณ 11-14 นาที ซึ่งผู้สอบสามารถเลือกได้ว่าจะสอบช่วงบ่ายในวันเดียวกับกันที่ทำข้อสอบในส่วนแรก หรือเลื่อนไปสอบรอบอื่นภายในสัปดาห์เดียวกับที่สมัครสอบได้
IELTS แต่ละวิชาสอบอะไรบ้าง มีกี่ข้อ พร้อมตัวอย่างข้อสอบ
ข้อสอบ IELTS Listening (การฟัง)
ข้อสอบวัดทักษะด้านการฟัง (Listening) มีจำนวนคำถามทั้งหมด 40 ข้อ กำหนดเวลาการสอบทั้งหมด 30 นาที ลักษณะข้อสอบจะเป็นการฟังบทสนทนา และบทพูด เน้นวัดทักษะด้านการจับใจความสำคัญ, การวิเคราะห์จุดประสงค์และทัศนคติของผู้พูด ซึ่งความท้าทายของข้อสอบในพาร์ทนี้คือ สำเนียงการพูดที่หลากหลาย และตัวข้อสอบจะมีการเล่นเพียงรอบเดียวเท่านั้น (ไม่มีการทวนโจทย์) จึงต้องตั้งใจฟังเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ผู้ที่เลือกสอบรูปแบบกระดาษ จะมีเวลาเพิ่มในการฝนคำตอบและตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบอีก 10 นาที ส่วนผู้ที่เลือกสอบบนคอมพิวเตอร์ จะมีเวลา 2 นาทีในการทบทวนคำตอบ
IELTS Listening สอบอะไรบ้าง
สำหรับเนื้อหาการสอบของข้อสอบการฟัง จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 บทสนทนาที่มีผู้พูด 2 คน สถานการณ์ทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน
ส่วนที่ 2 บทบรรยายเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน (มีผู้พูดคนเดียว)
ส่วนที่ 3 บทสนทนาระหว่างบุคคล 2 – 4 คน ในบริบทด้านการศึกษาหรือการฝึกอบรม
ส่วนที่ 4 บทบรรยายในหัวข้อเชิงวิชาการ (มีผู้พูดคนเดียว)
ข้อสอบ IELTS Listening มีกี่รูปแบบ
ข้อคำถามของ IELTS Listening จะมีทั้งหมด 4 รูปแบบ ประกอบไปด้วย
- Multiple Choice เลือกคำตอบข้อที่ถูกต้องจาก 3 ตัวเลือกโดยยึดข้อมูลจากไฟล์เสียงที่ได้ยิน
- Matching จับคู่คำตอบที่ถูกต้องจากไฟล์เสียงที่ได้ยินกับข้อมูลที่โจทย์กำหนดมาให้
- Plan, map, diagram, labelling เขียนอธิบายหรือจับคู่คำตอบลงแผนผัง, แผนที่, แผนภาพ โดยมีคำตอบให้เลือก
- Form, note, table, flow-chart, summary completion เติมคำลงในช่องว่าง เช่น เขียนชื่อ/ ที่อยู่/ เบอร์โทรศัพท์, เขียนสรุปข้อมูลสั้น ๆ หรือกรอกข้อมูลลงตารางและแผนภาพ ซึ่งจะมีทั้งคำตอบที่โจทย์กำหนดและเลือกคำตอบไปใส่ให้ถูกต้อง และการเขียนตอบตามไฟล์เสียงที่ได้ยิน (แนะนำให้ระวังเรื่องการสะกดด้วย)
ตัวอย่างแนวข้อสอบ IELTS Listening (Matching)
โดยน้อง ๆ สามารถเข้าไปดูตัวอย่างข้อสอบเพิ่มเติมและฟังไฟล์เสียงเพื่อลองทำตัวอย่างข้อสอบ IELTS Listening ได้ ที่นี่
ข้อสอบ IELTS Reading (การอ่าน)
ข้อสอบวัดทักษะด้านการอ่าน (Reading) มีคำถามทั้งหมด 40 ข้อ กำหนดเวลาการสอบทั้งหมด 60 นาที ลักษณะข้อสอบจะเป็นการอ่านบทความ (Passage) ทั้งหมด 3 เรื่อง เน้นวัดทักษะด้านการอ่านจับใจความและการวิเคราะห์ข้อมูลจากเรื่องที่อ่าน โดยอาจมีแผนภาพ หรือกราฟประกอบบทความร่วมด้วย
IELTS Reading สอบอะไรบ้าง
เนื้อหาบทความของโจทย์ IELTS Reading จะมาจากทั้งหนังสือ, วารสารวิชาการ, หนังสือพิมพ์ หรือวรรณกรรม โดยหากเลือกสอบ IELTS Academic จะเน้นที่บทความเชิงวิชาการเป็นหลัก ส่วนหากเลือกสอบ IELTS General Training จะเป็นเนื้อหาทั่ว ๆ ไป
ข้อสอบ IELTS Reading มีกี่รูปแบบ
ข้อคำถามของ IELTS Reading จะมีทั้งหมด 5 รูปแบบ ประกอบไปด้วย
- Multiple Choice เลือกคำตอบข้อที่ถูกต้องที่สุดจากเนื้อหาที่บทความกำหนด โดยจะมีทั้งแบบเลือกตอบข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียวและหลายข้อ
- Identifying Information ระบุความสอดคล้องกันของข้อมูลที่โจทย์กำหนด (True/ False/ Not Given)
- Matching Information จับคู่ข้อมูลต่าง ๆ ตามที่โจทย์กำหนดมาให้ โดยอาจมีทั้งตัวเลือกหลอกและตัวเลือกที่สามารถใช้ตอบซ้ำได้มากกว่า 1 ครั้ง
- Completion เติมคำลงในช่องว่างตามจำนวนคำศัพท์ที่โจทย์ระบุ โดยจะมีทั้งโจทย์ที่ให้เติมคำลงในประโยค, ตาราง, แผนภาพ และแผนผัง ข้อสอบประเภทนี้จะต้องดูจำนวนคำที่กำหนดและการสำกดคำให้ดี หากสะกดผิดหรือตอบเกินจากที่ระบุไว้จะถูกหักคะแนนได้
- Short-answer เขียนตอบเป็นข้อความสั้น ๆ ตามจำนวนคำศัพท์ที่โจทย์ระบุ โดยนำเอาคำตอบจากโจทย์มาเขียนตอบ
ตัวอย่างแนวข้อสอบ IELTS Reading (Flow-chart Completion)
ดูตัวอย่างข้อสอบ IELTS Reading รูปแบบอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ ที่นี่
ข้อสอบ IELTS Writing (การเขียน)
ข้อสอบวัดทักษะด้านการเขียน (Writing) มีคำถามทั้งหมด 2 ข้อ กำหนดเวลาทำสอบ 60 นาที ลักษณะข้อสอบจะเป็นการเขียนอธิบายข้อมูลจากโจทย์ที่กำหนดให้ เน้นวัดทักษะด้านการใช้ไวยากรณ์อย่างถูกต้อง, ความสมบูรณ์และเชื่อมโยงของเนื้อหา, การเลือกใช้คำเชื่อมระหว่างประโยค, การเลือกใช้คำศัพท์อย่างเหมาะสมและหลากหลาย โดยหากเลือกสอบเป็นในรูปแบบ IELTS Academic ผู้สอบจะได้รับหัวข้อในเชิงวิชาการ เช่น ผลสำรวจหรืองานวิจัย แต่หากเลือกสอบ IELTS General Training จะได้รับหัวข้อการเขียนทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น จดหมายหรือเรียงความทั่วไป
IELTS Writing สอบอะไรบ้าง
เนื้อหาการสอบของข้อสอบด้านการเขียนจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 (Task 1) : เขียนอธิบาย เปรียบเทียบ หรือสรุปข้อมูลตามโจทย์ที่กำหนด โดยจะมีรูปภาพ, กราฟ หรือตารางข้อมูลระบุในโจทย์ด้วย การเขียนใน Task 1 จะกำหนดจำนวนคำขั้นต่ำที่ 150 คำ แนะนำให้ใช้เวลาเขียนตอบข้อนี้ราว 20 นาที
ส่วนที่ 2 (Task 2) : เขียน Essay แสดงความคิดเห็น เสนอแนวทางการแก้ไข หรือวิจารณ์หัวข้อที่โจทย์กำหนดโดยเพิ่มเติมความคิดเห็นส่วนตัวเพื่อเขียนสนับสนุนหรือโต้แย้งหัวข้อนั้น ๆ เป็นจำนวนขั้นต่ำอย่างน้อย 250 คำขึ้นไป และแบ่งย่อหน้าตามโครงสร้างการเขียน Essay อย่างถูกต้อง (บทนำ, เนื้อหา, สรุป) แนะนำให้ใช้เวลาเขียนตอบในข้อนี้ประมาณ 40 นาที
ข้อสอบ IELTS Writing มีกี่รูปแบบ
ข้อคำถามของ IELTS จะมีทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ
- Summarising facts or figures from graphic information เขียนสรุปในพารากราฟเดียว (ข้อสอบส่วนที่ 1)
- Writing an essay เขียนเรียงความ (ข้อสอบส่วนที่ 2)
ตัวอย่างแนวข้อสอบ IELTS Writing (Task 1)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อสอบ IELTS Writing และดูตัวอย่างโจทย์เพิ่มเติมได้ ที่นี่
ข้อสอบ IELTS Speaking (การพูด)
ข้อสอบวัดทักษะด้านการพูด มีคำถามทั้งหมด 3 ข้อ กำหนดเวลาการสอบ 11 – 14 นาที (ข้อละ 3 – 4 นาที) เน้นวัดทักษะด้านการใช้งานไวยากรณ์อย่างถูกต้อง, การพูดอย่างคล่องแคล่วและลื่นไหล, การเลือกใช้คำศัพท์อย่างเหมาะสมและหลากหลาย โดยจะให้ความสำคัญกับการออกเสียงคำอย่างชัดเจนและถูกต้อง (Pronunciation) เป็นหลัก ไม่เน้นเรื่องของสำเนียงการพูด (Accent) และการสอบ IELTS Speaking ยังมีความพิเศษตรงที่เป็นการสอบแบบ Face-to-face กับผู้คุมสอบโดยตรง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้สอบสามารถสอบถามข้อสงสัยเพิ่มเติมได้ ต่างจากการสอบด้วย AI ที่ไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม
IELTS Speaking สอบอะไร
ส่วนที่ 1 : แนะนำตัวและพูดคุยเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน ผู้คุมสอบจะสอบถามเกี่ยวกับคำถามทั่วไปในหัวข้อที่คุ้นเคย เช่น ความชอบ, บ้าน, การเรียน, ครอบครัว, งานอดิเรก เป็นต้น ข้อสอบส่วนนี้จะใช้เวลาประมาณ 4 – 5 นาที
ส่วนที่ 2 : พูดตามหัวข้อที่โจทย์กำหนด โดยผู้สอบจะได้รับบัตรคำถาม (Card) ที่มีหัวข้อระบุเอาไว้ หลังจากได้รับบัตรคำถามจะมีเวลาให้เตรียมตัวพูด 1 นาที (สามารถจดโน้ตสั้น ๆ ได้) และมีเวลาพูดบรรยายเกี่ยวกับหัวข้อที่ได้รับ 2 นาที จากนั้นผู้คุมสอบจะถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับที่พูดไปอีกเล็กน้อย สำหรับการสอบในส่วนนี้ไม่แนะนำให้ลงรายละเอียดข้อมูลมากนัก เพราะจะมีการซักถามเพิ่มเติมในส่วนถัดไป โดยจะใช้เวลาในการสอบราว 3 – 4 นาที
ส่วนที่ 3 ผู้คุมสอบจะถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อในส่วนที่ 2 โดยรูปแบบคำถามจะเป็นแบบปลายเปิดให้แสดงความคิดเห็นและต่อบทสนทนากับผู้คุมสอบ จึงแนะนำให้ตอบแบบสบาย ๆ ไม่ใช้คำห้วนหรือสั้นจนเกินไป ในส่วนนี้จะใช้เวลาการสอบประมาณ 4 – 5 นาที
ข้อสอบ IELTS Speaking มีกี่รูปแบบ
ข้อคำถามของ IELTS Speaking จะมีทั้งหมด 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วย
- Introduction and Interview แนะนำตัวและสัมภาษณ์ (ข้อสอบส่วนที่ 1)
- Long Turn พูดแบบต่อเนื่องเกี่ยวกับหัวข้อที่ได้รับ (ข้อสอบส่วนที่ 2)
- Discussion พูดคุยโต้ตอบกับผู้คุมสอบ (ข้อสอบส่วนที่ 3)
ตัวอย่างแนวข้อสอบ IELTS Speaking (Part 2)
นอกจากนี้ น้อง ๆ ยังสามารถเข้าไปดูข้อคำถามและตัวอย่างคำตอบของ IELTS Speaking เพิ่มได้ ที่นี่
IELTS ค่าสอบเท่าไร ?
ในส่วนของอัตราค่าสมัครสอบ IELTS จะอยู่ที่ครั้งละ 7,650 บาททุกประเภท ทั้งการสอบ IELTS Academic และ IELTS General Training ในรูปแบบกระดาษและคอมพิวเตอร์
สมัครสอบ IELTS ที่ไหนดี
ในประเทศไทย มีศูนย์สอบ IELTS อย่างเป็นทางการอยู่ 2 เจ้า คือ British Council และ IDP ซึ่งทั้ง 2 ที่นี้ก็มีสนามสอบในเครือรวมกันกว่า 30 แห่งทั่วประเทศไทย น้อง ๆ สามารถดูรอบสอบและสำรองที่นั่งกับศูนย์สอบใกล้บ้านตามความสะดวกได้เลย แต่ศูนย์สอบ IELTS หลาย ๆ แห่งจะไม่ได้มีการจัดสอบทุกรอบ จึงควรตรวจสอบรอบการสมัครสอบทุกครั้งก่อนการสอบ
โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อศูนย์สอบและรอบสอบที่เปิดได้ทั้งในเว็บไซต์ของ IDP และ British Council เลย
เทคนิคพิชิตข้อสอบ IELTS แต่ละพาร์ท
น้องคนไหนอยากสอบ IELTS แบบผ่านฉลุย พี่กริฟฟินก็มีทริกดี ๆ มาฝากกัน โดยอันดับแรกก็แนะนำให้น้อง ๆ ท่องศัพท์อยู่เป็นประจำ รวมทั้งลองฝึกทำข้อสอบ IELTS แบบจับเวลาในการทำข้อสอบแต่ละครั้ง
เทคนิคพิชิตข้อสอบ IELTS Listening
ฝึกฟัง Podcast, ดูคลิป YouTube หรือดูหนังภาษาอังกฤษแบบเสียงอังกฤษ โดยในช่วงแรกอาจเปิดซับภาษาอังกฤษควบคู่กันไปเพื่อให้เข้าใจเนื้อหาอย่างครบถ้วน ถัดมาลองกดปิดซับไตเติ้ลและฟังเฉพาะเสียงอย่างเดียว ส่วนช่วงที่ฝึกทำโจทย์ก็ลองเปิดไฟล์เสียงฟังเพียงครั้งเดียวและตอบคำถามในทันทีเพื่อให้คุ้นเคยกับลักษณะข้อสอบ นอกจากนี้ยังมี 10 เทคนิคเตรียมสอบ IELTS Listening ให้ลองไปฝึกกันด้วย
เทคนิคพิชิตข้อสอบ IELTS Reading
ฝึกอ่านข่าว หรือบทความจากเว็บไซต์ต่างประเทศ โดยเน้นการอ่านแบบ Skimming & Scanning หรือการอ่านแบบกวาดสายตาอ่านภาพรวม โดยเน้นอ่านใจความสำคัญเป็นหลักเพื่อประหยัดเวลาในการอ่านบทความที่มีขนาดยาว เพราะถ้าตั้งใจอ่านทุกตัวอักษรอาจใช้เวลานานเกินไปและส่งผลให้ทำสอบไม่ทันได้ และในช่วงการฝึกทำโจทย์ก็แนะนำให้เลื่อนลงมาอ่าน “คำถาม” ก่อน แล้วค่อยวนไปอ่านตัวบทความ เพื่อเน้นอ่านเฉพาะจุดที่ต้องการถามและหาคำตอบได้ไวยิ่งขึ้น
เทคนิคพิชิตข้อสอบ IELTS Writing
ฝึกเขียนสรุปข้อมูลจากเรื่องที่อ่านหรือฟังเป็นพารากราฟสั้น ๆ และฝึกเขียน Essay ให้มีโครงสร้างบทความอย่างครบถ้วน โดยลองเขียนแบบกำหนดจำนวนคำศัพท์และจับเวลาขณะเขียนเพื่อฝึกการบริหารเวลาในการทำสอบ นอกจากนี้ยังควรศึกษาคำศัพท์ที่เป็น Synonym แทนการใช้คำศัพท์ซ้ำ ๆ กันในประโยค เพื่อเพิ่มคะแนนสอบในพาร์ทนี้ รวมถึงยังสามารถอ่าน 10 เทคนิคอัปสกิลเขียนตอบสอบ IELTS Writing ได้เช่นกัน
เทคนิคพิชิตข้อสอบ IELTS Speaking
ถ้าอยากคว้าคะแนนการสอบพูดให้เป๊ะปัง พี่กริฟฟินแนะนำให้น้อง ๆ ฝึกพูดและออกเสียงภาษาอังกฤษแบบต่อเนื่อง โดยอาจฝึกคุยกับเพื่อนต่างชาติ หรือใช้แอปพลิเคชัน AI ช่วยฝึกภาษา นอกจากนี้ยังสามารถอ่าน เทคนิคพิชิต IELTS Speaking พร้อม รวม 12 ประโยคใช้ในข้อสอบ IELTS Speaking เริ่มตอบไม่มีสะดุด ในการสอบเพิ่มเติมและลองเอาไปปรับใช้กันได้เลย
คำถามที่พบบ่อย
1. คะแนน IELTS ใช้ได้กี่ปี
คะแนนสอบ IELTS จะมีอายุการใช้งาน 2 ปี
2. ผลสอบ IELTS ออกภายในกี่วัน
ผลคะแนนสอบ IELTS on Paper จะออกภายใน 13 วัน ส่วนผลคะแนนสอบ IELTS on Computer จะออกภายใน 1-5 วัน โดยสามารถมารับผลสอบที่ศูนย์สอบ หรือเลือกให้ทางศูนย์สอบจัดส่งผลคะแนนสอบทางไปรษณีย์ได้ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
3. ผลสอบน้อยกว่าที่คิดเอาไว้ ขอตรวจผลสอบซ้ำได้ไหม ?
ถ้าคะแนนสอบออกมาแล้วได้คะแนนต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ สามารถยื่นเรื่องให้ทางศูนย์สอบดำเนินการตรวจผลสอบซ้ำ (Remark คะแนน) อีกรอบได้ โดยจะต้องชำระค่าตรวจสอบคะแนนเพิ่ม ซึ่งหากตรวจซ้ำแล้วพบว่าคะแนนมีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม น้อง ๆ จะได้รับค่าธรรมเนียมการตรวจคะแนนคืน
สอบได้
4. สอบ IELTS ทีละพาร์ทได้ไหม ?
ในปัจจุบันยังไม่อนุญาตให้ลงสอบ IELTS แบบแยกทักษะได้ เว้นแต่ IELTS Speaking ที่สามารถเลือกสอบในวันอื่นของสัปดาห์เดียวกันกับข้อสอบในพาร์ท Listening, Reading และ Writing ได้ แต่หากลงสอบแล้ว ได้คะแนนไม่ถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้ สามารถลงสอบ IELTS Retake ได้ แต่จะอนุญาตให้สอบใหม่ได้เพียงแค่พาร์ทเดียวเท่านั้น
5. ติวสอบ IELTS ที่ไหนดี ?
ถ้าน้อง ๆ อยากลงติวสอบ IELTS แต่ยังไม่รู้จะติวที่ไหน ขอแนะนำให้ติวกับ House of Griffin สถาบันติวสอบที่มีประสบการณ์กว่า 14 ปี และเป็นพาร์ทเนอร์กับ IDP และ British Council อย่างเป็นทางการ มีคอร์ส ติว IELTS แบบเข้มข้นพร้อมระบบสอบ Mock up test จำลองการสอบแบบเสมือนจริง เสริมทักษะภาษาอังกฤษแบบครบถ้วนทั้ง 4+2 ด้าน (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน +ไวยากรณ์และคำศัพท์) ทั้งยังมีคอร์สติวที่การันตีผลการสอบ 6.0 ขึ้นไปแบบ 100% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่สถาบันกำหนด)
Success Story