
SAT Reading สอบอะไร? ข้อสอบ SAT นั้นเป็นข้อสอบที่สำคัญและสามารถใช้คะแนนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยคณะอินเตอร์ที่น่าสนใจได้หลายๆ คณะ ทั้งในไทย เช่น BBA, EBA, BALAC, BJM และอีกมากมาย รวมถึงในต่างประเทศเช่นกัน
SAT Reading เป็นส่วนหนึ่งของข้อสอบ SAT Evidence-based Reading & Writing ใช้วัดทักษะภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นหนึ่งด่านที่นักเรียนมากมายจะต้องได้เจอและเป็นตัวข้อสอบถือที่ว่ามีความยากพอสมควรเลย แบ่งออกเป็นสองพาร์ทคือ Reading กับ Writing ในบทความนี้ เราจะได้มาทำความรู้จักกับลักษณะและเนื้อหาข้อสอบ SAT Reading กัน
ลักษณะข้อสอบ SAT Reading
เมื่อเข้าห้องสอบ นักเรียนจะได้รับแจกชุดข้อสอบและชุดกระดาษคำตอบ ซึ่งข้อสอบ SAT Reading จะเป็น Section แรกจากทั้งหมด 4 Section มีคำถาม 52 ข้อ และเป็นคำตอบแบบมีตัวเลือก (multiple choices) มีเวลาทำ 65 นาที เมื่อหมดเวลาสอบแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาทำหรือแก้ไขได้ใหม่
พาร์ท Reading มีคะแนนเต็ม 400 คะแนน และพาร์ท Writing มีคะแนนเต็ม 400 คะแนน โดยต้องนำคะแนนทั้ง 2 ส่วนมารวมกัน เป็นคะแนนเต็มทั้งหมด 800 คะแนน
เนื้อหาข้อสอบ SAT Reading
ในข้อสอบนักเรียนจะอ่านข้อความต่าง ๆ และตีความจากข้อมูลรูปภาพ (infographics) จากนั้นจะใช้สิ่งที่ได้อ่านเพื่อตอบคำถาม
คำถามบางข้อขอให้ค้นหาข้อมูลหรือแนวคิดที่ระบุโดยตรง แต่นักเรียนจะต้องเข้าใจด้วยว่าคำพูดของผู้เขียนหมายถึงอะไร และตีความสิ่งที่ผู้เขียนอาจจะไม่ได้เขียนออกมาตรง ๆ
ในข้อสอบจะมีเรื่องหรือข้อความที่ตัดมาให้อ่าน เรียกว่า passages 4 เรื่อง ซึ่งมีความยาวของเนื้อหาอยู่ที่ราวๆ 570-750 คำต่อเรื่อง และจะมี 1 เรื่อง ที่เป็นลักษณะ paired passage ที่เขียนถึงหัวข้อเดียวกัน โดยผู้เขียนคนละคน ซึ่งเป็นคนละมุมมอง คำถามที่อยู่ใน Paired Passage ส่วนใหญ่จะเป็นการให้เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง ของมุมมองจากผู้เขียนทั้ง 2 คน หรือให้คิดว่า ผู้เขียนคนแรกคิดอย่างไรต่อมุมมองของผู้เขียนคนที่ 2 หรืออาจจะกลับกัน
ประเภทของเนื้อหาที่นำมาออกสอบ มีดังนี้
- เกี่ยวกับงานวรรณกรรมคลาสสิกหรือร่วมสมัย U.S หรือ World literature 1 passage
- เกี่ยวกับเอกสารการก่อตั้งของสหรัฐฯ หรือข้อความที่เป็นแรงบันดาลใจ เช่น รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา หรือสุนทรพจน์ของเนลสัน แมนเดลา เป็นต้น หรืออาจจะมีเนื้อหาครอบคลุมด้านเศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา สังคมวิทยา หรือสังคมศาสตร์อื่นๆ 1-2 passages
- เกี่ยวกับ Science ที่เป็นแนวคิดพื้นฐานและการพัฒนาในด้านวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับพื้นดินและส่วนประกอบโลก ชีววิทยา เคมี หรือฟิสิกส์ 1-2 passages
แต่ละ passage จะมีคำถาม 10-12 ข้อ และจะมี 1-2 passages ที่จะมีข้อมูลรูปภาพ (infographics) เช่น ตาราง แผนภูมิ แผนผัง หรือ กราฟเส้น ให้วิเคราะห์ตีความ โดยมากมักเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หรือสังคมศึกษา
วิธีฝึกตัวเองเพื่อทำข้อสอบให้ได้คะแนนเต็ม
ในการทำข้อสอบ SAT Reading นั้น ไม่ไช่การถามตอบความรู้จากการท่องจำ แต่จะประเมินทักษะการอ่านหลายๆ แบบ ดังนั้น นักเรียนไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวหรือประวัติของผู้เขียนมาก่อน ถึงจะตอบและทำคะแนนได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องอ่านอะไรเลย การฝึกทักษะการอ่านให้ดีนั้น คือต้องอ่านให้มาก ทั้งวรรณกรรม หนังสืออ่านนอกเวลา ข่าวสาร บทความต่าง ๆ เพื่อให้มีความรู้รอบตัว และเกิดความคุ้นเคยกับเรื่องราว สร้างความเข้าใจได้รวดเร็วขึ้น
สรุปทักษะการอ่านที่นักเรียนต้องมี คือ
- การคิดวิเคราะห์ ตีความ จับประเด็น การมองภาพใหญ่ (Main Point)
- การเข้าใจคำศัพท์ที่อยู่ในบริบทนั้นๆ (Words in Context)
- การเรียบเรียงลำดับความคิด (Sequence/ Flow of Ideas)
- การใช้เทคนิคในการเขียน (Author’s Technique)
การเข้าใจจุดประสงค์ของผู้เขียน (Purpose)
เทคนิคทำข้อสอบ SAT Reading
จับประเด็นจากหลักฐานที่สนับสนุน Command of Evidence
- ค้นหาหลักฐานใน passage ที่สนับสนุนคำตอบของคำถามได้ดีที่สุดหรือเป็นข้อสรุปที่สมเหตุสมผล
- ระบุว่าผู้เขียนใช้หลักฐานสนับสนุนข้อเรียกร้องของตนอย่างไร
- ค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลกราฟฟิกและเนื้อเรื่องที่จับคู่ด้วย
เข้าใจความหมายของคำที่ใช้ในบริบท Words in Context
- ใช้เบาะแสบริบทใน passage เพื่อดูว่ามีการใช้ความหมายของคำหรือวลีใด
- ตัดสินใจว่าตัวเลือกคำของผู้เขียนกำหนดรูปแบบความหมาย สไตล์ และโทนเสียงอย่างไร
วิเคราะห์ ตีความ และพิจารณาความหมายจากเนื้อเรื่อง Analysis in History/ Social Studies and in Science
ข้อสอบที่เป็น passage ในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา และวิทยาศาสตร์ จะมีคำถามที่ต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์ ตีความ เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ ตัวอย่างเช่น มี passage ให้อ่านเกี่ยวกับการทดลอง แล้วมีคำถามที่ขอให้นักเรียน
- ตรวจสอบสมมติฐาน
- ตีความข้อมูล
- พิจารณาความหมาย
โดยคำตอบจะขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ระบุไว้ในหรือโดยนัยในเนื้อเรื่องเท่านั้น