
IGCSE เป็นการเรียนการสอนในระบบอินเตอร์จาก Cambridge ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถ “เลือกวิชาการเรียน” เองได้ ทำให้น้อง ๆ รู้สึกสนุกไปกับการเรียนมากกว่าการเรียนในระบบปกติ เนื่องจากสามารถเลือกเรียนเฉพาะในวิชาที่สนใจได้ แต่การเลือกรายวิชาก็ต้องเลือกตามความเหมาะสมทั้งในเรื่องของจำนวนวิชาและรูปแบบการเรียนด้วยเช่นกัน สำหรับพ่อแม่หรือผู้ปกครองท่านใดที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกลงรายวิชา IGCSE ให้ลูกก็แนะนำให้ลองอ่านบทความนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจกันก่อนได้
รู้จักโครงสร้างหลักสูตร IGCSE: วิชาบังคับและวิชาเลือก
หลักสูตร IGCSE หรือ (International General Certificate of Secondary Education) คือหลักสูตรการเรียนการสอนในระบบนานาชาติพัฒนาขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งโรงเรียนนานาชาติหลากหลายแห่งในประเทศไทยก็ได้นำเอาหลักสูตรนี้มาปรับใช้ในการเรียนการสอนด้วยเช่นกัน เพราะเป็นหลักสูตรที่เทียบเท่ากับหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานก่อนเรียนการสอบ A-Level/ AS-Level เพื่อยื่นสอบเทียบวุฒิม.ปลาย โดยหลักสูตร IGCSE จะเน้นไปที่ “รายวิชา” การเรียนการสอนที่มีความหลากหลาย มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ทดลองศึกษาหาความรู้ในรายวิชาที่ชื่นชอบควบคู่ไปกับความรู้พื้นฐาน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง IGCSE คืออะไร คลิก
วิชาบังคับของ IGCSE และวิชาเลือก
สำหรับรายวิชาภาคบังคับของหลักสูตร IGCSE จะกำหนดให้ผู้เรียนจะต้องลงสอบให้ผ่านอย่างน้อย 5 รายวิชา (จากรายวิชาเลือกทั้งหมด 70 รายวิชา) เพื่อให้สามารถออกใบ Certificate หรือใบจบเพื่อนำไปสอบเทียบวุฒิได้ ซึ่งการสอบก็จะแบ่งการคิดคะแนนออกเป็น 2 รูปแบบ ตามความเข้มข้นของเนื้อหาการสอบที่เลือก ดังนี้
ตารางเปรียบเทียบข้อสอบ IGCSE
หัวข้อเปรียบเทียบ | ระดับพื้นฐาน (Core) | ระดับสูง (Extended) |
ลักษณะเนื้อหาการสอบ | การสอบเกี่ยวกับรายวิชาในระดับทั่วไป | การสอบเนื้อหาเชิงลึกของรายวิชา |
ระดับความยาก | ระดับความยากปานกลาง | ระดับความยากสูง |
จำนวนข้อสอบ | จำนวนข้อน้อยกว่า | จำนวนข้อมากกว่า |
เวลาสอบ | ใช้เวลาน้อยกว่า | ใช้เวลามากกว่า |
เกรดที่ได้รับ | C, D, E, F, G | A*, A, B, C, D, E, F, G |
เกรดสูงสุด | C | A* |
โดยเกรดของระดับ Extended เมื่อนำไปเทียบวุฒิแล้วจะออกมามีโอกาสสูงกว่าเกรดของระดับ Core เพราะเกรดสูงสุดของ Extended คือ A* หรือเกรดที่สูงกว่าเกรด 4 ในขณะที่เกรดของระดับ Core สูงสุดอยู่ที่ C หรือเทียบเท่าเกรด 2 ในระบบไทย ดังนั้นหากเป็นรายวิชาสำคัญ ๆ ที่จำเป็นจะต้องนำเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อในอนาคตก็แนะนำให้เลือกสอบเป็นแบบ Extended เพื่อให้มีโอกาสที่จะได้คะแนนสูง ๆ เอาไปยื่นเรียนต่อได้ง่ายกว่านั่นเอง
และในจำนวนรายวิชาทั้งหมดกว่า 70 วิชาของ IGCSE ก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 6 หมวด วิชาบังคับจำนวน 3 หมวด คือ รายวิชาภาษาอังกฤษ, รายวิชาคณิตศาสตร์ และรายวิชาวิทยาศาสตร์ ส่วนวิชาเลือกอีกจำนวน 3 หมวด ได้แก่ รายวิชาด้านภาษา, รายวิชาทักษะวิชาชีพและการสร้างสรรค์ รายวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ โดยที่สามารถเลือกรายวิชาย่อยในหมวดรายวิชานั้น ๆ ตามความสนใจได้ และสามารถเลือกสอบได้ทั้งแบบ Core และ Extended ในทุกรายวิชาที่ลงเรียนแต่จะสามารถเลือกสอบได้เพียงแค่ระดับเดียวต่อ 1 รายวิชาเท่านั้น
วิชาหลักที่ต้องเรียน: English, Mathematics และ Science
สำหรับรายวิชาบังคับ IGCSE หรือวิชาหลัก (Core Subject) จะมีทั้งหมด 3 หมวด ได้แก่ รายวิชาในหมวดภาษาอังกฤษ (English as a second language), คณิตศาสตร์ (Mathematics) และวิทยาศาสตร์ (Science) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. รายวิชาหมวดภาษาอังกฤษ (English as a Second Language)
สำหรับวิชาในหมวดนี้ ในประเทศไทยจะเน้นการเรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่สอง หรือเป็นการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ โดยจะมี 5 รายวิชาให้เลือกเรียนได้ ดังนี้
English – Literature in English (วรรณกรรมภาษาอังกฤษ) รหัสวิชา 0475
เน้นให้ผู้เรียนสามารถอ่าน ตีความ และประเมินผลงานผ่านการศึกษาวรรณกรรมภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจในแก่นเรื่องและบริบทเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่อง รวมถึงสามารถถกเถียงประเด็นทางวรรณกรรมอย่างสร้างสรรค์ได้
English as an Additional Language (ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาเสริม) รหัสวิชา 0472
เน้นพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน และเสริมความรู้ด้านคำศัพท์และไวยากรณ์แทรกเข้าไป เพื่อให้ผู้เรียนมีความมั่นใจในการสื่อสารและสนทนาภาษาอังกฤษยิ่งขึ้น
English as a Second Language (Speaking endorsement) ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่สองแบบมุ่งเน้นการพูดอย่างมั่นใจ รหัสวิชา 0510
เน้นการพัฒนาทักษะด้านการพูดสำหรับผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง แต่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับค่อนข้างดี โดยผู้เรียนจะได้พัฒนาทักษะด้านการสื่อสารในชีวิตประจำวันและการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์อื่น ๆ รวมทั้งเสริมทักษะภาษาอังกฤษด้านอื่นทั้งการฟัง การเขียน และการอ่าน แต่คะแนนในรายวิชานี้จะไม่นำเอาคะแนนด้านทักษะการพูด (Speaking) มาคำนวณคิดเป็นเกรดการเรียน
English as a Second Language (Count-in speaking) ภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่สองแบบเน้นพัฒนาทักษะด้านการพูด รหัสวิชา 0511
เน้นการพัฒนาทักษะด้านการพูดสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก แต่พอมีพื้นฐานทางภาษาอยู่บ้างแล้ว โดยผู้เรียนจะได้พัฒนาทักษะการสื่อสารในชีวิตประจำวันและการพูดคุยโต้ตอบด้วยภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการเสริมทักษะทางภาษาอังกฤษด้านอื่นอย่างการเขียน การอ่าน และการฟังควบคู่กันไปด้วย โดยการคิดคะแนนของรายวิชานี้จะเป็นการคิดคะแนนรวม 4 ทักษะ
World Literature (วรรณกรรมโลก) รหัสวิชา 0408
ผู้เรียนจะได้ศึกษาวรรณกรรมจากทั่วโลกผ่านการศึกษางานของนักเขียน, กวี, ผู้เขียนบทละครชื่อดังจากทั่วโลก และนอกจากจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลายแล้ว ยังเน้นการฝึกฝนทักษะด้านการตีความและการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณกรรมอีกด้วย
2. รายวิชาหมวดคณิตศาสตร์ (Mathematics)
วิชาในหมวดนี้จะมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะด้านการคิดอย่างเป็นระบบและการคิดแก้ไขปัญหา โดยในรายวิชาต่าง ๆ ก็จะมีการเรียนคณิตศาสตร์ในหลากหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น พีชคณิต, เรขาคณิต, สมการต่าง ๆ เป็นต้น
Mathematics (คณิตศาสตร์ทั่วไป) รหัสวิชา 0580
เน้นการพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ที่เป็นพื้นฐานการคิดคำนวณทั้งแบบใช้และไม่ใช้งานเครื่องคิดเลข ส่งเสริมการใช้ทักษะทางด้านตรรกะ การคิดวิเคราะห์ การตีความและการใช้เหตุผลทางคณิตศาสตร์
Mathematics – Additional (คณิตศาสตร์เพิ่มเติม) รหัสวิชา 0606
ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะและความรู้ทางคณิตศาสตร์ในด้านการแก้ปัญหาและการคำนวณ การเชื่อมโยงตรรกะ การแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ในเชิงนามธรรมและการพิสูจน์เหตุผล รวมทั้งทักษะการใช้เหตุผลและการวิเคราะห์เพื่อต่อยอดการเรียนในหลักสูตร A/AS-Level ในอนาคตได้อย่างราบรื่น
Mathematics (คณิตศาสตร์นานาชาติ) รหัสวิชา 0607
เน้นการพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ในด้านการนำเสนอ ตีความผลลัพธ์ ตลอดจนการสืบค้นและสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ออกมาให้เข้าใจง่าย สามารถประยุกต์และนำไปปฏิบัติได้จริง
Statistics (สถิติ) รหัสวิชา 0479
เน้นการพัฒนาความรู้ทางด้านสถิติในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งแนวคิด ทักษะ วิธีการตั้งสมมติฐาน หลักการพื้นฐานและความน่าจะเป็น รวมถึงศึกษาเกี่ยวกับคำศัพท์ทางสถิติพื้นฐานให้แก่ผู้เรียนเพื่อให้สามารถต่อยอดการเรียนในรายวิชาสถิติได้
3. รายวิชาหมวดวิทยาศาสตร์ (Science)
รายวิชาในหมวดนี้จะมีให้เลือกเรียนตามสาขาของวิทยาศาสตร์ที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา รวมถึงรายวิชาด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตรและวิทยาศาสตร์ทางทะเล โดยหลาย ๆ วิชาก็จะเน้นการเรียนรู้ทั้งด้านวิชาการควบคู่ไปกับการปฏิบัติจริงร่วมด้วย
Agriculture (เกษตรกรรม) รหัสวิชา 0600
ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการและทักษะพื้นฐานในการทำการเกษตร รวมไปถึงการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ในการเพาะปลูกและปศุสัตว์ ตลอดจนได้ศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างและเครื่องจักรทางการเกษตร ผ่านการเรียนรู้ทั้งทางวิชาการและการปฏิบัติจริงเพื่อต่อยอดการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรและภาวะการขาดแคลนอาหาร
Biology (ชีววิทยา)* รหัสวิชา 0610
ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องชีววิทยาและพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการประยุกต์ใช้ชีววิทยาในชีวิตประจำวันผ่านการเรียนรู้ทั้งทางวิชาการและการปฏิบัติจริง
Chemistry (เคมี)* รหัสวิชา 0620
เน้นการพัฒนาความรู้ด้านเคมีตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้เคมีในชีวิตจริง โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาความรู้ทั้งด้านวิชาการและการปฏิบัติ
Environmental Management (การจัดการสิ่งแวดล้อม) รหัสวิชา 0680
ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความสนใจในประเด็นของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และสังคมภายนอก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เน้นการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมและสามารถต่อยอดความคิดเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการปฏิบัติงานในสถานที่จริงอย่างปลอดภัยและคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตในพื้นที่นั้น ๆ อีกด้วย
Marine Science (วิทยาศาสตร์ทางทะเล) รหัสวิชา 0697
ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับเรื่องของโลกใต้ทะเล แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานทางทะเล ความซับซ้อนของสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ ตลอดจนการอนุรักษ์และส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
Physical Education (พลศึกษา) รหัสวิชา 0413
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาทั้งหลักภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่เกี่ยวกับการออกกำลังกาย พัฒนาสมรรถภาพทางกายอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปหรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นวิชาพลศึกษาที่มีตัวเลือกกีฬาให้ลงเรียนตามที่สถานศึกษาแต่ละแห่งกำหนด
Physics (ฟิสิกส์)* รหัสวิชา 0625
เน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักพื้นฐานทางด้านฟิสิกส์ การประยุกต์ใช้ฟิสิกส์ในชีวิตประจำวัน สามารถคิดคำนวณตามหลักการทางฟิสิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการเรียนในภาคปฏิบัติร่วมด้วย
Science – Combined* วิทยาศาสตร์ทั่วไป รหัสวิชา 0653
ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งด้านฟิสิกส์, เคมี และชีววิทยาทั้งในภาคทฤษฎีและการปฏิบัติเท่าที่จำเป็น โดยแต่ละวิชาจะมีเนื้อหาหลักสูตรที่แตกต่างกันออกไป แต่จะคิดเกรดรวมเพียงแค่ 1 ตัว (เนื้อหาวิชาไม่เข้มข้น เหมือนการเรียนวิทยาศาสตร์ทั่วไปเบื้องต้น)
Sciences – Co-ordinated (Double)* วิทยาศาสตร์แบบหลักสูตรคู่ รหัสวิชา 0654
ส่งเสริมความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทั้งในด้านฟิสิกส์, เคมี และชีววิทยาทั้งสามด้านในภาคทฤษฎีและปฏิบัติตามที่จำเป็น ซึ่งในแต่ละรายวิชาย่อยก็จะมีเนื้อหาการเรียนที่แตกต่างกันออกไป แต่รายวิชานี้จะได้รับเกรด 2 ตัว (เนื้อหาวิชาไม่เข้มข้นมาก มีการลงรายละเอียดในรายวิชาย่อยมากกว่า 0653 แต่ยังไม่ละเอียดเท่า 0610, 0620 และ 0625)
*เป็นหนึ่งในรายวิชาที่สำคัญที่ควรพิจารณาเลือกลงเรียนหากต้องการต่อยอดการเรียนในสายวิทยาศาสตร์ทั้งในหลักสูตร A/AS-Level และการเรียนต่อในอนาคต อย่างไรก็ตามหากต้องการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่เป็นสาขาวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์แบบเจาะลึก แนะนำให้เลือกลงเรียนรายวิชาฟิสิกส์ (0625), เคมี (0620) และชีววิทยา (0610) แบบแยกรายวิชาจะดีกว่าการเลือกลงวิทยาศาสตร์แบบรวม
เลือกวิชาตามสาขาที่สนใจ: Engineering, Business, Medicine
นอกเหนือไปจากรายวิชาบังคับ 3 หมวดหลักแล้ว ก็ยังมีรายวิชาเลือกให้ลงเรียนกันได้ตามความสนใจอีก 3 หมวด ดังนี้
หมวดวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities and Social Sciences) เช่น Economics, Geography, Global Perspectives, History, Religious Studies, Sociology
หมวดวิชาภาษาต่างประเทศ (Foreign Language) ไม่ว่าจะเป็น Afrikaans, Arabic, Bahasa Indonesia, Chinese, French, German, Hindi, Italian, Malay, Spanish, Swahili, Thai และ Urdu
หมวดวิชาทักษะวิชาชีพและการสร้างสรรค์ (Creative and professional) เช่น Accounting, Art & Design, Business Studies, Computer Science, Design & Technology, Drama, Enterprise, Food & Nutrition, Information and Communication Technology, Music, Travel & Tourism
หรือสามารถเลือกดูรายชื่อวิชาและรายละเอียดการเรียนของแต่ละรายวิชาทั้งหมดได้ ที่นี่
จากที่ลองยกตัวอย่างรายวิชาในแต่ละหมวดมา น้อง ๆ จะเห็นได้ว่าหลักสูตร IGCSE มีวิชาให้เลือกลงเรียนอยู่มากมาย ดังนั้นพี่กริฟฟินจึงจัดหมวดรายวิชาน่าเรียนสำหรับผู้ที่อยากเรียนต่อสายวิศวกรรม แพทย์ และธุรกิจออกมาไว้พิจารณากัน ดังนี้
เลือกวิชา IGCSE สำหรับวิศวกรรม
ภาษาอังกฤษ แนะนำให้เลือกลง English as a Second Language – Count-in speaking (0511) หรือ English as an Additional Language (0472) เพราะเป็นวิชาที่วัดทักษะการใช้งานภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านของผู้เรียนแบบครอบคลุม และอาจเลือกเรียนรายวิชาเสริมอื่น ๆ ตามความสนใจได้
คณิตศาสตร์ รายวิชาด้านคณิตศาสตร์ แนะนำให้เรียนทั้ง Mathematics (0580) และ Mathematics – Additional (0606) เพราะการเรียนในสายวิศวะมักจะเน้นการคำนวณ ดังนั้นหากมีพื้นฐานการคำนวณที่ดีก็จะช่วยให้ต่อยอดการเรียนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
วิทยาศาสตร์ ในส่วนของรายวิชาด้านวิทยาศาสตร์แนะนำให้ลงเรียนเป็นรายวิชา Physics (0625), Chemistry (0620) และ Biology (0610) ทั้ง 3 รายวิชาไว้จะปลอดภัยที่สุด แต่หากมีสาขาของวิศวะด้านที่สนใจเป็นพิเศษแล้วก็อาจเลือกลงเรียนตามสาขาที่สนใจได้เลย เช่น หากสนใจเรียนต่อด้านวิศวกรรมเคมีก็อาจไม่จำเป็นต้องลงเรียนในรายวิชาชีววิทยาก็ได้ หรือหากอยากลงเรียนในสาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ก็ควรลงเรียนในรายวิชา Environmental Management (0680) ด้วย
จากรายชื่อวิชาที่ไล่มาข้างต้นก็มีประมาณ 6-7 รายวิชาแล้วที่เป็นวิชาหลัก แต่ถ้าน้องคนไหนอยากลงเรียนในรายวิชาเสริมที่ช่วยต่อยอดการเรียนในสาขาวิศวกรรมแล้วละก็ พี่กริฟฟินขอแนะนำรายวิชาเพิ่มเติมในหมวดทักษะวิชาชีพและการสร้างสรรค์ ดังนี้
Information and Communication Technology (ICT เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) รหัสวิชา 0417
เน้นการพัฒนาความรู้ด้าน ICT แบบภาพรวมผ่านการวิเคราะห์ ออกแบบ ใช้งาน ทดสอบและประเมินระบบต่าง ๆ ทั้งด้านภาคปฏิบัติและทฤษฎี
Computer Science (วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์) รหัสวิชา 0478
ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการคำนวณและการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอัลกอริทึมและภาษาคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งวิชาเลือกที่ช่วยให้สามารถต่อยอดการเรียน A/AS-Level ในสาขาคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
เลือกวิชา IGCSE สำหรับแพทย์
สำหรับการเรียนเพื่อต่อยอดการเป็นหมอในอนาคต พี่กริฟฟินก็แนะนำให้ลงเรียนรายวิชาบังคับคล้ายคลึงกันกับของสายวิศวกรรม แต่จะเน้นไปที่การเรียนวิทยาศาสตร์ให้ครบถ้วนและไม่ต้องเน้นการคำนวณมาก ดังนี้
ภาษาอังกฤษ แนะนำให้เลือกลง English as a Second Language – Count-in speaking (0511) หรือ English as an Additional Language (0472) เพราะเป็นวิชาที่วัดทักษะการใช้งานภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านของผู้เรียนแบบครอบคลุม และอาจเลือกเรียนรายวิชาเสริมอื่น ๆ ตามความสนใจได้
คณิตศาสตร์ รายวิชาด้านคณิตศาสตร์ แนะนำให้เรียน Mathematics (0580) เพียงตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว
วิทยาศาสตร์ ถ้าใครอยากเป็นหมอก็แนะนำให้ลงเรียนรายวิชาเฉพาะทั้ง Physics (0625), Chemistry (0620) และ Biology (0610) ให้ครบถ้วน
แม้ว่ารายวิชาที่แนะนำจะมีครบถ้วนทั้ง 5 วิชาตามจำนวนขั้นต่ำของหลักสูตร IGCSE แล้ว แต่ถ้าใครอยากเสริมความรู้เพิ่มเติมก็จะแนะนำเป็น 2 รายวิชาหลัก ๆ ได้แก่
หมวดสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ในวิชา Psychology (จิตวิทยา) รหัสวิชา 0266
เน้นให้ผู้เรียนเข้าใจแนวคิดและทฤษฎีทางจิตวิทยาในชีวิตประจำวัน การสังเกตพฤติกรรม และพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สังคม วัฒนธรรมเข้ากับหลักการทางจิตวิทยาส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับความคิดและพฤติกรรมมนุษย์
หมวดทักษะวิชาชีพและการสร้างสรรค์ในรายวิชา Food and Nutrition (อาหารและโภชนาการ) รหัสวิชา 0648
ส่งเสริมความรู้ทั้งทางด้านทฤษฎีและการปฏิบัติเกี่ยวกับการเลือกซื้อและจัดเตรียมอาหารให้เหมาะสม มีคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารอย่างครบถ้วนและถูกสุขอนามัย
เลือกวิชา IGCSE สำหรับธุรกิจ
ถ้าใครอยากต่อยอดการเรียนสายธุรกิจในอนาคตก็ต้องขอบอกเลยว่าในรายวิชาเลือกของหลักสูตร IGCSE นั้นมีให้ลงเรียนเยอะมาก ๆ แต่ก่อนอื่นจะขอแนะนำรายวิชาหลักกันก่อน
ภาษาอังกฤษ แนะนำให้เลือกลง English as a Second Language – Count-in speaking (0511) หรือ English as an Additional Language (0472) เพราะเป็นวิชาที่วัดทักษะการใช้งานภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านของผู้เรียนแบบครอบคลุม และอาจเลือกเรียนรายวิชาเสริมอื่น ๆ ตามความสนใจได้
คณิตศาสตร์ รายวิชาด้านคณิตศาสตร์ แนะนำให้เรียน Mathematics (0580) และอาจเรียน Mathematics – Additional (0606) เสริมเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ให้แน่นขึ้น
วิทยาศาสตร์ สำหรับรายวิชาด้านวิทยาศาสตร์ สามารถเลือกลงเรียนเป็น Science – Combined (0653) หรือ Sciences – Co-ordinated (Double) 0654 วิชาใดวิชาหนึ่งก็ได้ เพราะการเรียนสายธุรกิจไม่ได้เน้นความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เพียงแค่เรียนพื้นฐานก็พอแล้ว
ถัดมาเป็นรายวิชาเลือก ในส่วนนี้สามารถเลือกลงเรียนในรายวิชาหมวดทักษะวิชาชีพและการสร้างสรรค์ (Creative and professional) ตามนี้ได้เลย
Accounting (การบัญชี) รหัสวิชา 0452
เน้นการพัฒนาทักษะด้านการบัญชีแบบรอบด้าน ทั้งคำศัพท์และแนวคิดทางการบัญชี การคำนวณและการเขียนรายงาน รวมไปถึงการนำเสนอและตีความข้อมูลทางการเงินโดยสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการบัญชีควบคู่กันไป
Business (ธุรกิจ) รหัสวิชา 0264
ส่งเสริมความรู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจตั้งแต่พื้นฐานคำศัพท์ที่ใช้ในแวดวงธุรกิจ ศึกษาโครงสร้างทางธุรกิจและการวิเคราะห์ตีความข้อมูลทางธุรกิจผ่านการคิดคำนวณและสำรวจปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางธุรกิจตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับโลก รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดแนวคิดทางธุรกิจเป็นของตนเองเพื่อต่อยอดการประกอบกิจการหรือการทำงานในอนาคต
Business Studies (การศึกษาธุรกิจ) รหัสวิชา 0450
เน้นการพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นไปของโลกธุรกิจในระดับภาครัฐและเอกชน รวมถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของทิศทางธุรกิจและนวัตกรรมต่าง ๆ ศึกษาเกี่ยวกับการจัดตั้งและหาแหล่งเงินทุน รวมถึงการดำเนินงานและกำกับดูแลธุรกิจ โดยทาง IGSCE ระบุเอาไว้ว่าเป็นอีกหนึ่งรายวิชาที่ช่วยต่อยอดการเรียน A/AS-Level ได้
Enterprise (ผู้ประกอบการ) รหัสวิชา 0454
ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีแนวคิดแบบผู้ประกอบการ พัฒนาความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางในการจัดตั้งและบริหารธุรกิจใหม่เป็นของตนเอง ควบคู่ไปกับการวางแผนและจัดการทางการเงินและการสื่อสารทางธุรกิจ
รายวิชาหมวดสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ในรายวิชา Economics (เศรษฐศาสตร์) รหัสวิชา 0455
เน้นให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในคำศัพท์ แนวคิด และหลักการทางเศรษฐศาสตร์เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ ตีความ และประเมินผลทางเศรษฐศาสตร์ได้ มีความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจในประเด็นต่าง ๆ และสามารถมองหาแนวคิดในการแก้ไขปัญหาได้
นอกจากนี้ หากใครสนใจทำธุรกิจในระดับโลกหรือต้องการเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาเพื่อต่อยอดการทำธุรกิจในอนาคตก็มีตัวเลือกรายวิชาภาษาให้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, สเปน และยังมีภาษาเฉพาะทางอย่าง แอฟริกัน, อารบิก, บาฮาซา (อินโดนีเซีย), มาเลย์ (มาเลเซีย), ฮินดี, Swahili, Urdu ให้ลงเรียนอีกด้วย หรือใครอยากจะเรียนในรายวิชาภาษาไทยก็มีให้เลือกเรียนด้วยอีกเช่นกัน
จากรายชื่อวิชาที่ไล่มาทั้งหมดจะเห็นว่ามีตัวเลือกวิชาเรียนในสายธุรกิจค่อนข้างเยอะ ซึ่งรวมวิชาหลักแล้วก็มีประมาณ 7-9 รายวิชาเลยทีเดียว น้อง ๆ สามารถลองปรับหลักสูตรการเรียนตามรายวิชาที่สนใจได้เลย
จำนวนวิชาที่เหมาะสมควรเรียน IGCSE กี่วิชาดี ?
แม้ว่าในหลักสูตร IGCSE จะกำหนดว่าผู้เรียนจะต้องลงเรียนอย่างน้อย 5 รายวิชาจึงจะสามารถเรียนจบหลักสูตรได้ และมีหมวดรายวิชาบังคับที่ต้องลงเรียนในหมวดภาษาอังกฤษ, คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จึงทำให้ทุกคนมีวิชาพื้นฐานขั้นต่ำอยู่ที่ 3 รายวิชาเบื้องต้น ส่วนอีก 2 วิชาที่เหลือก็สามารถเลือกลงเรียนได้จากทั้งหมด 6 หมวด ใน 70 รายวิชา ซึ่งถ้าดูรายละเอียดแล้วก็จะเห็นว่ามีวิชาที่น่าสนใจและน่าเรียนเยอะมาก ๆ จนทำให้หลาย ๆ คนเลือกเรียนมากกว่า 5 วิชาที่เป็นกำหนดขั้นต่ำ แต่ถ้าใครกำลังพิจารณาอยู่ว่าควรจะลงเรียนประมาณ 6-8 รายวิชา หรือเลือกลงทุกวิชาที่อยากเรียนแบบเต็มที่มากกว่า 10 วิชาไปเลย
พี่กริฟฟินก็อยากแนะนำให้ลองประเมิน “เวลา” ในการเรียนก่อน
เพราะถึงแม้ว่าการเลือกลงเรียนทุกรายวิชาที่อยากเรียนจะเป็นการเปิดโอกาสได้ทดลองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเรียน แต่ก็อาจดึงเวลาและความสนใจไปจากรายวิชาหลักที่ควรจะโฟกัสเพื่อทำคะแนนสอบให้ได้สูง นอกจากนี้วุฒิของหลักสูตร IGCSE ยังมีระดับเทียบเท่ากับการเรียนในหลักสูตรไทยถึงแค่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งถ้าอยากได้วุฒิเทียบเท่าม.6 ก็จะต้องลงเรียนและสอบเพิ่ม A/AS-Level ต่ออีกประมาณ 2 ปีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงแนะนำให้ลงเรียน IGCSE แบบกระจายรายวิชาให้ครบทั้ง 6 หมวด แต่ไม่ควรลงเรียนเกิน 10 รายวิชา เพื่อที่จะได้มีเวลาในการทบทวนเนื้อหาให้แม่นก่อนลงสอบจริงนั่นเอง
ประเมินความสามารถและความสนใจของลูก: เครื่องมือช่วยตัดสินใจว่าลูกเหมาะกับวิชาอะไรใน IGCSE
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากวางแผนการเรียนให้ลูก แต่ยังไม่มั่นใจว่าลูกเหมาะกับวิชาอะไรในหลักสูตร IGCSE ก็ขอแนะนำให้หยิบเอาผลการเรียนของลูกมาไล่เรียงดูว่าคะแนนหรือเกรดวิชาไหนสูงที่สุดก็จะทราบได้ว่าลูกมีความถนัดในด้านไหน แต่นอกเหนือไปจากเรื่องของผลการเรียนแล้ว สิ่งที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามเลยก็ได้แก่ “การพูดคุย” และสอบถามความสนใจของลูกเพื่อวางแผนการเรียนร่วมกัน เพราะนอกเหนือไปจากรายวิชาหลักที่อยากให้ลูกลงเรียนแล้ว ก็ควรสอบถามความสนใจของผู้เรียนและเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกเรียนในรายวิชาที่อยากเรียนด้วยตัวเอง เช่น พ่อแม่อาจเลือกรายวิชาหลักให้ และให้ลูกได้เลือกเรียนในวิชาอื่น ๆ ที่อยากเรียน เช่น ประวัติศาสตร์ หรือดนตรี เป็นต้น
วิชาที่ท้าทายที่สุด vs วิชาที่ง่ายที่สุดใน IGCSE
ถ้าใครกลัวว่าวิชาที่อยากลงเรียนนั้นจะยากเกินไปและอยากทราบว่ารายวิชาไหนใน IGCSE ที่จัดว่าเป็นวิชาที่ง่าย-ยากบ้าง ก็ขอบอกเลยว่ารายวิชาที่ได้รับการจัดอันดับว่า “ยาก” ส่วนมากจะเป็นรายวิชาบังคับจำพวกชีววิทยา คณิตศาสตร์พื้นฐาน และภาษาอังกฤษ เนื่องจากเป็นรายวิชาที่มีจำนวนคนได้เกรดระดับ A* อยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น ส่วนรายวิชาที่มีคนได้เกรด A* เยอะจะเป็นรายวิชาที่เกี่ยวกับภาษาอย่างภาษาสเปน เยอรมัน และวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป เป็นต้น แต่ทั้งนี้ตัวเลขเกรดต่าง ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามรอบการสอบ ดังนั้นการที่จะระบุว่าวิชาไหนเป็นวิชาที่ยากหรือง่ายที่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความถนัดเป็นรายบุคคลไป
แต่ถ้าหากใครอยากทราบสถิติเกรดที่ผ่านมาของ IGCSE ก็สามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเลือกวิชา IGCSE
ข้อผิดพลาดในการเลือกวิชา IGCSE ส่วนมากจะเป็นการเลือกรายวิชาแบบทั่วไป เช่น เลือกลงรายวิชาวิทยาศาสตร์แบบทั่วไป แต่พอจะยื่นเรียนต่อมีการขอคะแนนในรายวิชาเฉพาะอย่างฟิสิกส์หรือเคมี ทำให้เสียโอกาสในการลงเรียนคณะนั้น ๆ ไปได้นั่นเอง ดังนั้นก่อนที่จะเลือกลงเรียนรายวิชาเฉพาะทาง ก็แนะนำให้ลองศึกษาเกี่ยวกับคณะที่ลูกต้องการเรียนต่อในอนาคตเอาไว้ ทั้งในเรื่องของเกณฑ์การรับสมัครและคะแนนที่จะต้องใช้ยื่นสอบ เพื่อที่จะได้วางแผนการเรียน IGCSE ออกมาได้อย่างราบรื่น แต่สำหรับใครที่อยากได้ที่ปรึกษาเรื่องการเลือกวิชา IGCSE หรือมองหาที่ติวเข้มก่อนสอบ IGCSE ก็สามารถทักมาปรึกษาทีมงาน House of Griffin เพื่อให้ช่วยวางแผนการเรียนและให้คำแนะนำเรื่องการเลือกวิชาเรียนกันและเตรียมพร้อมก่อนไปสอบกันได้เลย