ใครมีเป้าหมายอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยแต่มีข้อจำกัดในการเรียน เช่น ต้องเดินทางบ่อย, ติดงาน, ติดแข่งกีฬา, มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย หรือมีกิจกรรมจำเป็นอื่น ๆ ที่ตรงกับช่วงเวลากลางวันของวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) จนทำให้ไม่สามารถเรียนต่อมัธยมปลายในระบบปกติได้ รวมไปถึงคนที่ต้องการทางลัดในการจบม.ปลายเพื่อ Take Gap Year ในการค้นหาตัวเองเพิ่มเติมก่อนเริ่มเรียนต่อปริญญาตรี พี่กริฟฟินขอแนะนำให้ลองทำความรู้จักกับการสอบเทียบ GED วุฒิการศึกษาทางเลือกที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของคนมีฝัน พร้อมตัวอย่างคนดังที่ประสบความสำเร็จด้วยวุฒิ GED กัน!
วุฒิ GED คืออะไร ? ใช้แทนวุฒิม.ปลายได้จริงหรือ ?
การสอบ GED หรือ General Educational Development คือ การสอบเทียบวุฒิในระดับเทียบเท่า High School ของสหรัฐอเมริกาที่ผ่านการรับรองจาก American Council on Education (ACE) อย่างเป็นทางการ โดยวุฒิ GED นี้ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาและรัฐบาลทั่วโลกว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสอบเทียบวุฒิที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสำหรับในประเทศไทยเองก็มีประกาศจากกระทรวงศึกษาธิการออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าเป็นวุฒิการศึกษาในระดับเทียบเท่าวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายที่สามารถใช้ยื่นเพื่อสมัครเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทยได้ทั้งหลักสูตรอินเตอร์และหลักสูตรไทยในมหาวิทยาลัยรัฐบาลและเอกชน
อ่านประกาศทปอ. เรื่องการสอบเทียบ GED ได้ ที่นี่
วุฒิ GED สอบอะไรบ้าง ?
การสอบ GED จะแตกต่างจากการสอบเทียบวุฒิประเภทอื่น เพราะมีรายวิชาที่ต้องสอบเพียงแค่ 4 วิชา มีทั้งข้อคำถามแบบเลือกตอบ (ปรนัย) และเขียนตอบ (อัตนัย) โดยที่ตัวข้อสอบจะเป็น “ภาษาอังกฤษ” ทั้งหมด กำหนดเวลาการสอบทั้งหมด 7 ชั่วโมง แต่น้อง ๆ สามารถเลือกสอบทีละวิชาได้ ไม่จำเป็นต้องรีบสอบให้ครบในเดียว
Reasoning Through Language Arts (RLA) หรือการสอบ GED วิชาภาษาอังกฤษที่จะวัดทักษะพื้นฐานด้านการใช้งานภาษาอังกฤษ มีทั้งข้อสอบแบบ Reading (เลือกตอบ) และ Writing (เขียน Essay) กำหนดเวลาสอบ 150 นาที
Mathematical Reasoning หรือการสอบ GED วิชาคณิตศาสตร์ที่จะวัดทักษะด้านการแก้โจทย์ปัญหาและการคิดคำนวณ มีทั้งส่วนที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้และส่วนที่ไม่อนุญาตให้ใช้งานเครื่องคิดเลข กำหนดเวลาการสอบ 115 นาที
Science หรือการสอบ GED วิชาวิทยาศาสตร์ที่จะวัดความรู้ด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และตั้งสมมติฐานการทดลองต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ กำหนดเวลาสอบ 90 นาที
Social Studies หรือการสอบ GED วิชาสังคมศึกษาที่จะวัดความรู้ทางด้านสังคมศาสตร์ต่าง ๆ ของ “สหรัฐอเมริกา” ทั้งประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, เศรษฐศาสตร์ การเมืองและการปกครอง กำหนดเวลาสอบ 70 นาที
ตารางรายละเอียดการสอบ GED 4 รายวิชา
แต่ก่อนที่จะเริ่มสอบเทียบ GED ได้นั้นน้อง ๆ ทุกคนจะต้องผ่านการสอบ GED Ready ที่เป็นการสอบ GED สนามซ้อมก่อนลงสอบจริง โดยการสอบ GED Ready ก็จะมีความคล้ายคลึงกับการสอบ GED รอบปกติ ทั้งรายวิชาการสอบและความยากของข้อสอบ แต่ระยะเวลาและจำนวนข้อสอบจะน้อยลงกว่าการสอบจริงครึ่งหนึ่ง ทำให้ได้ลองฝึกทำสอบพร้อมบริหารจัดการเวลาเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบจริงในรอบถัดไป
โดยคะแนนสอบเทียบ GED Ready แต่ละรายวิชาจะมีคะแนนเต็มอยู่ที่ 200 คะแนน เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำจะอยู่ที่ 145 คะแนนของแต่ละรายวิชา ดังนั้นหากทำคะแนนสอบได้สูงกว่าหรือเทียบเท่า 145 ก็จะถือว่าสอบผ่านในรายวิชาดังกล่าว เมื่อผลสอบของทั้ง 4 รายวิชาออกมาครบและได้คะแนนสูงกว่าเกณฑ์ก็สามารถสมัครสอบ GED ตัวจริงได้ ซึ่งการสอบ GED รอบจริง ก็มีเกณฑ์เหมือนกับการสอบ GED Ready เช่นกัน เมื่อน้องสอบผ่านให้จนครบทุกรายวิชาเป็นที่เรียบร้อยก็จะสามารถยื่นสอบเทียบ GED เพื่อแปลงคะแนนเป็น GPAX และนำเอาวุฒิไปสมัครเรียนต่อได้ทันที
แต่ในกรณีสอบออกมาแล้วได้คะแนนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของการยื่นขอวุฒิ (คะแนนสูงกว่า 145) แต่ต่ำกว่าเกณฑ์คะแนนที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดเอาไว้ น้อง ๆ จะสามารถยื่นขอสอบใหม่เพื่อ Rescore จนได้คะแนนตามต้องการก่อนดำเนินการเทียบวุฒิในระบบ (คะแนนสอบ GED ไม่มีวันหมดอายุ เนื่องจากเป็นการสอบเทียบวุฒิม.ปลาย แต่ขั้นตอนการขอสอบใหม่จะอนุญาตให้สามารถ Rescore ได้แค่รายวิชาละ 1 ครั้งเท่านั้น)
วุฒิ GED มีข้อดียังไง ?
ข้อดีของ GED คือ เป็นข้อสอบที่เปิดให้ “ทุกคน” ที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป สามารถสมัครสอบได้โดยไม่มีการกำหนดเพดานอายุสูงสุด ทำให้นอกจากจะเหมาะกับคนที่อยากได้ทางลัดในการเรียนมหาวิทยาลัยก่อนใครแล้ว ยังเหมาะกับผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีวุฒิม.ปลายและต้องการนำเอาวุฒิไปใช้ต่ออีกด้วย (ทั้งนี้ ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องแนบเอกสารยินยอมการสอบจากผู้ปกครองก่อนจึงจะสามารถสมัครสอบ GED ได้)
นอกจากนี้ การสอบ GED ยังมีการจัดสอบทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ ในช่วงเวลาตั้งแต่ 9.00-16.00 น. จึงสามารถเลือกวันและเวลาการสอบเองได้ตามสะดวก รวมถึงน้อง ๆ จะสามารถทราบผลสอบได้ในทันทีหลังสอบเสร็จ หากสอบไม่ผ่านก็สามารถลงสอบใหม่ได้ติดกันถึง 3 ครั้ง แต่หากสอบครบ 3 ครั้งแล้วยังไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ จะต้องเว้นระยะการสอบไปอีก 2 เดือนจึงจะสามารถสอบใหม่ได้
ตัวอย่างคนดังที่ประสบความสำเร็จด้วยวุฒิ GED
วิน เมธวิน
นักแสดงหนุ่มชื่อดังในสังกัด GMM อย่าง “วิน เมธวิน” (เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร) ที่แจ้งเกิดจากผลงานแสดงเรื่อง “เพราะเราคู่กัน” จนโด่งดังไปทั่วโลก เป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจสอบเทียบวุฒิ GED เพื่อเข้าเรียนต่อที่คณะเศรษฐศาสตร์ อินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งในตอนนี้ก็ได้จบการศึกษาไปเป็นที่เรียบร้อยและมีผลงานการแสดงออกมาให้ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง
ชาร์เลท
น้องชาร์เลท หรือ “ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา” นักแสดงสาวลูกครึ่ง ไทย-เยอรมัน ที่หลายคนจดจำเธอได้ในบทบาท “เรยา” ในวัยเด็กจากละครเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ที่ทุ่มเทกับการแสดงมาอย่างยาวนานก็เป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจลาออกจากการเรียนในระบบปกติและหันไปใช้การสอบเทียบ GED เพื่อทุ่มเทกับการแสดงอย่างเต็มที่โดยไม่ทิ้งการเรียน ซึ่งในตอนนี้น้องชาร์เลทก็ได้ศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) หรือ COSCI SWU เป็นที่เรียบร้อย
นท The Star
นท พนายางกูร หรือที่คนคุ้นเคยกันในชื่อ “นท เดอะสตาร์” ก็เป็นหนึ่งในคนดังที่เลือกสอบเทียบวุฒินี้ ก่อนเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยในตอนนี้นอกจากนทจะมีผลงานเพลงชื่อดังแล้ว ยังมีผลงานการแสดงให้ติดตามกันด้วย
วิว (BNK48)
น้องวิว BNK48 (กมนธิดา โรจน์ทวีนิธิ) สมาชิกรุ่นที่ 2 ของวงไอดอลกรุ๊ป BNK48 เองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้การสอบ GED เพื่อเทียบวุฒิ ม.6 เข้ามหาวิทยาลัยด้วยอายุเพียง 16 ปี โดยเธอได้บอกว่าเลือกสอบเทียบ GED แทนการเรียนในระบบปกติเพราะไม่ชอบระบบการเรียนการสอนในโรงเรียน รวมถึงต้องการที่จะเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยไว โดยตอนนี้น้องวิว BNK48 ก็กำลังศึกษาอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ Innovative Media Production (IMI) แล้ว
มิ้นชี่ (Minchyy)
Influencer ชื่อดังอย่างมิ้นชี่ (สมัชญา อัศวนิเวศน์) ยูทูปเบอร์ล้านซับเจ้าของรางวัล Thailand Influencer Awards 2024 ที่อยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 10 ปีจนหลาย ๆ คนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีก็เป็นหนึ่งคนที่จบการศึกษาด้วยวุฒินี้เช่นกัน
เซย่า ทองเจือ
เซย่า ทองเจือ หรือ “น้องเซย่า” ลูกสาวของพีท ทองเจือ เป็นหนึ่งในคนที่เลือกสอบเทียบวุฒิเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัยศิลปากร หลักสูตรอินเตอร์ (SUIC) ตั้งแต่อายุ 16 ปี ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่ Birmingham City University ในเวลาต่อมา
ออกัส วชิรวิชญ์
หลายคนอาจไม่ทราบว่านักแสดงอย่าง “ออกัส วชิรวิชญ์” เคยเป็นอดีตนักเทนนิสทีมชาติ (ระดับจูเนียร์) ที่ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนในช่วงมัธยมปลายแล้วใช้วิธีการสอบเทียบวุฒิ เพื่อเอาเวลาไปฝึกฝนเทนนิสอย่างเต็มที่ แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้เข้ารอบลึก ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะใช้วุฒินี้ ยื่นเรียนต่อในสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ติวสอบกับ House of Griffin ใน 2 เดือนก่อนคว้าวุฒิ GED
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าน้อง ๆ น่าจะรู้จักวุฒิ GED กันมากขึ้น และเห็นได้ว่าวุฒินี้เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากได้ทางลัดในการเรียนต่อปริญญาตรี ไม่ใช่เพียงแค่คนดัง ดารา เน็ตไอดอล นักร้อง นักแสดง หรือนักกีฬาเท่านั้น ซึ่งถ้าใครสนใจอยากสอบเทียบ GED แต่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือไม่รู้จะติว GED ที่ไหนดี ก็ขอแนะนำให้เลือกติวกับ House of Griffin สถาบันติวสอบ GED ที่ผ่านการรับรองอย่างเป็นทางการจาก GED Official แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมติวเข้มทุกรายวิชา การันตีสอบ GED ผ่านได้ใน 2 เดือน (ตามเงื่อนไขที่สถาบันกำหนด) นอกจากนี้ทางสถาบันยังเป็น All-in-one-exclusive Service จึงมั่นใจได้เลยว่าทุกคนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีในทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการเทียบวุฒิ GED เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน