
Digital SAT หลาย ๆ คนคงเริ่มได้ยินมาคร่าว ๆ จาก College Board ว่าจะมีการสอบ SAT แบบดิจิทัลในปี 2023 ซึ่งเป็นการสอบในรูปแบบใหม่ที่จะแตกต่างจากการสอบ SAT แบบเดิมอย่างสิ้นเชิง การสอบ Digital SAT จะเริ่มในปีหน้า สำหรับผู้สอบนานาชาติ (ภายนอกอเมริกา) และปี 2024 สำหรับผู้สอบในอเมริกา ซึ่งจริง ๆ แล้วเหลือเวลาอีกไม่นานเท่าไร น้อง ๆ ก็ต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการสอบรูปแบบใหม่กันได้แล้วนะคะ เพราะเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนมาสอบรูปแบบใหม่นี้ เราจะได้พร้อมลุยเต็มที่ก่อนใคร
Digital SAT ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนจากการสอบแบบกระดาษมาเป็นสอบแบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้การสอบ SAT เป็นประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้สอบ ซึ่งจะมีความเหมือนหรือแตกต่างจากเดิมอย่างไร มีฟีเจอร์อะไรบ้างที่ทำให้การสอบ SAT สะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม ตามพี่กริฟฟินมาได้เลยค่ะ
Digital SAT เหมือนหรือต่างจากการสอบ SAT ปกติอย่างไร
แน่นอนค่ะว่า Digital SAT จะต้องมีความต่างจากการสอบ SAT แบบปกติทั่วไปแน่นอน ของใหม่ย่อมดีกว่าเสมอ แต่อย่างไรก็ตามจุดประสงค์หลักยังคงเหมือนเดิม มาลองดูกันค่ะว่ามีอะไรที่เหมือนเดิม และอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง
ความเหมือนของ Digital SAT และ SAT แบบปกติ
1. วัดทักษะที่จำเป็นของนักเรียนในการเข้ามหาวิทยาลัย
ไม่ว่าจะเป็นการสอบ SAT แบบเดิมหรือ Digital SAT ยังคงเป็นการวัดความรู้ ทักษะและการใช้เหตุผลที่จำเป็นเพื่อใช้ยื่นศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติในประเทศไทยหรือยื่นเข้าศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งข้อสอบยังคงประกอบด้วย Evidence-Based Reading and Writing และ Mathematics เหมือนเดิม
2. คะแนนเต็ม 1,600 คะแนน
คะแนนเต็มรวมของ Digital SAT ยังคงอยู่ที่ 1,600 คะแนนเหมือนเดิม ซึ่งจะแบ่งเป็น Evidence-Based Reading and Writing 800 คะแนน และ Mathematics 800 คะแนน
3. ผู้สอบต้องไปสอบที่ศูนย์สอบ
ถึงแม้ว่าการสอบ Digital SAT จะเป็นการสอบแบบคอมพิวเตอร์แต่ผู้สอบก็ยังคงต้องไปสอบที่ศูนย์สอบหรือสอบที่โรงเรียนเหมือนเดิม ไม่สามารถสอบที่บ้านได้นะคะ
4. มีแบบฝึกหัดให้สำหรับทุกคน
Digital SAT ยังคงมีแบบฝึกหัดฟรีสำหรับนักเรียนทุกคนเหมือนเดิม ซึ่งน้อง ๆ สามารถทำแบบฝึกหัดแบบเต็มได้ในแอปพลิเคชัน Digital Testing
Digital SAT เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร
ทาง College board ไม่เพียงแค่วาง SAT ปัจจุบันไว้บนแพลตฟอร์มดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์ในการประเมินแบบดิจิทัลอีกด้วย ทำให้ Digital SAT มีความง่าย สะดวก และแม่นยำต่อผู้ใช้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมมีดังนี้
1.สอบผ่าน Laptop หรือ Tablet
ความสะดวกของการสอบ Digital SAT อย่างแรกเลยก็คือผู้สอบสามารถทำข้อสอบผ่าน Laptop หรือ Tablet ที่เป็นอุปกรณ์ส่วนตัวได้เลย ซึ่งเข้ากับยุคสมัย Paperless ในปัจจุบัน คือ การไม่ใช้แบบกระดาษอีกต่อไปนั่นเอง แต่สำหรับคนที่ไม่มีอุปกรณ์ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะทางศูนย์สอบจะมีการเตรียมอุปกรณ์ให้ผู้สอบเช่นกัน
2. ระยะเวลาการสอบที่สั้นลง
น้อง ๆ จะได้ประสบการณ์ใหม่ในเรื่องของเวลาการสอบที่สั้นลงจาก Digital SAT เพราะระยะเวลาการสอบจาก 3 ชั่วโมงในแบบปกติจะเปลี่ยนเป็นเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
3. บทความของข้อสอบ SAT สั้นลง
อีกหนึ่งข้อดีของการสอบ Digital SAT เลยก็คือในพาร์ทของ Reading บทความจะสั้นลง โดยจะเป็นหนึ่งคำถามต่อหนึ่งบทความ ทำให้เป็นโอกาสของน้อง ๆ ที่จะใช้เวลาในการอ่านลดลงและสามารถทำคะแนนได้ดีมากยิ่งขึ้น
4. ผลสอบออกเร็วขึ้น
ที่สำคัญเลยของ Digital SAT นั้นก็คือน้อง ๆ จะได้ผลสอบที่เร็วขึ้นกว่าเดิม ด้วยการประเมินที่เร็วและแม่นยำของ Digital SAT โดยผลสอบจะได้ภายในไม่ถึงอาทิตย์ ทำให้น้อง ๆ สามารถใช้ผลสอบในการยื่นมหาวิทยาลัยได้เร็วมากขึ้นนั่นเอง
5. SAT Math ใช้เครื่องคิดเลขได้ทุกพาร์ท
Digital SAT ในส่วนของคณิตศาสตร์ น้อง ๆ สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้ทั้งหมด โดยเครื่องคิดเลขกราฟจะถูกสร้างขึ้นในแอปพลิเคชันทดสอบหรือหากใครไม่ถนัดก็สามารถนำเครื่องคิดเลขส่วนตัวมาเองได้
ตัวอย่างคำถามและคำอธิบายคำตอบข้อสอบ Digital SAT คลิก
Features สุดเจ๋งของ Digital SAT
Digital SAT ที่จะถูกนำมาใช้สอบในปีหน้า พี่กริฟฟินบอกได้เลยว่าน้อง ๆ จะสะดวกในการสอบมากยิ่งขึ้นและได้ประสบการณ์สอบแบบใหม่ที่เจ๋งว่าแบบ Paper-based แน่นอน เนื่องจาก Digital SAT มีฟีเจอร์ตัวช่วยต่าง ๆ ที่จะทำให้การสอบของน้อง ๆ ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง
1. SAT Verbal อ่านง่ายขึ้น
ข้อสอบ SAT Verbal จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดย Passage จะอยู่ฝั่งซ้ายและคำถามจะอยู่ฝั่งขวา ทำให้น้อง ๆ อ่านง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีตัวช่วยมากมายที่จะทำให้ง่ายต่อการสอบมากขึ้น ดังนี้
Highlight Evidence: สำหรับข้อสอบที่ถามหา Evidence จากใน Passage ข้อสอบจะทำการ Highlight Evidence ใน Passage มาให้เลย น้อง ๆ ไม่ต้องมานั่งขีดเส้นใต้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
Notepad: เหมาะสำหรับคนที่ถนัดพิมพ์ เพราะในข้อสอบจะมี Notepad ไว้ให้สำหรับให้จดโน๊ตต่าง ๆ ระหว่างการสอบ แต่ใครที่ถนัดจดมากกว่าทางศูนย์สอบก็ยังคงมีกระดาษทดไว้ให้เช่นกันค่ะ
Line Focus: พี่กริฟฟินเข้าใจเลยว่าการอ่าน Passage ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะบางครั้งมันทำให้เราตาลาย ซึ่ง Digital SAT มีฟีเจอร์ Line Focus มาให้ ทำให้น้อง ๆ สามารถกดใช้เพื่อเน้นอ่านแต่ละบรรทัดได้เลย ไม่ตาลายเหมือนเมื่อก่อนแน่นอนค่ะ
Strikethrough: ฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์มากและได้ใช้แน่นอนเพราะเป็นตัวช่วยในการตัด Choices ออกนั่นเอง ถ้าคิดว่า Choices ไหนไม่ใช่คำตอบ น้อง ๆ สามารถกดได้เลยซึ่งโปรแกรมก็จะขีดฆ่าทิ้งให้เราทันที ทำให้สามารถ Focus กับข้อที่ถูกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
2. SAT Math ข้อสอบคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือไม่ต้องพกเครื่องคิดเลขเข้าสอบ
Digital SAT มีฟีเจอร์ Calculator มาให้พร้อม ซึ่งสามารถใช้ในโปรแกรมได้เลยและสามารถ Plot Graph ได้ด้วย มากไปกว่านั้นน้อง ๆ ยังสามารถกดดูสูตรพื้นฐานได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องพลิกไปหน้าแรกเหมือนการสอบแบบ Paper-based
3. สัญลักษณ์แจ้งเตือนข้อที่ยังไม่ได้ทำ
พี่กริฟฟินชอบฟีเจอร์นี้มาก ๆ เพราะข้อไหนที่เรายังไม่ได้ทำ จะมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีแดงขึ้นมาที่ข้อนั้น ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าเรายังไม่ได้ตอบ ซึ่งเป็นการเตือนให้เราอย่าลืมกลับไปทำข้อนั้นเพื่อที่จะไม่ต้องเสียคะแนนไปอย่างน่าเสียดาย
4. ฟีเจอร์ Clock คอยเตือนเวลา
Digital SAT จะมีนาฬิกาคอยนับถอยหลังเวลาที่เหลืออยู่ในแต่ละ Part ทำให้น้อง ๆ สามารถบริหารจัดการเวลาในการทำข้อสอบในแต่ละพาร์ทได้ดีมากยิ่งขึ้น และจะมีการเตือน 5 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาให้อีกด้วย ข้อไหนที่ข้ามผ่าน ยังไม่ได้ทำ น้อง ๆ จะมีเวลารีบกลับไปใส่คำตอบให้ครบทุกข้อนั่นเองค่ะ
จะเห็นได้ว่าการสอบ Digital SAT ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด มีการปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน และมีฟังก์ชันช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้สอบมากขึ้นในการทำข้อสอบ น้อง ๆ คนไหนที่พร้อมเข้าสู่ Digital SAT แล้ว เตรียมหาที่ติวสอบเพื่อให้คะแนนสอบ SAT พุ่งได้เลยค่ะ
ติวสอบ SAT กับ House of Griffin
Digital SAT จะเริ่มใช้ในปี 2023 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะถึงปีหน้าแล้ว พี่กริฟฟินแนะนำให้น้อง ๆ เตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ใครที่อยากได้เคล็ดลับเด็ด ๆ ในการทำข้อสอบหรือยังไม่มั่นใจในตัวเอง พี่กริฟฟินแนะนำให้มาติวสอบ SAT กับทางสถาบัน House of Griffin เนื่องจากจะมีทีมอาจารย์ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 12 ปี มาติวให้น้อง ๆ อย่างหมดเปลือก ทั้งเรื่องของเนื้อหาการสอบรวมไปถึงการบริหารเวลาในการทำข้อสอบให้ทันอีกด้วย มากไปกว่านั้นจะมีการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของนักเรียนรายบุคคลเพื่อให้นักเรียนสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างตรงจุด พี่กริฟฟินมั่นใจเลยว่าถ้ามาติวกับทางสถาบัน House of Griffin แล้ว ไม่ว่าจะสอบแบบ Paper-based หรือ Digital SAT น้อง ๆ จะสามารถทำคะแนนที่สูงได้อย่างที่ตั้งใจไว้แน่นอนค่ะ