
กำลังเตรียมตัวสอบ CU-ATS (Chulalongkorn University Aptitude Test for Science) กันอยู่ใช่ไหม ? หนึ่งในพาร์ตปราบเซียนที่ทำให้น้อง ๆ หลายคนเสียคะแนนไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะ “ทำไม่ทัน” โดยเฉพาะวิชาฟิสิกส์ (Physics) ที่เต็มไปด้วยการคำนวณ บทความนี้จะพาน้อง ๆ ทุกคนไปเจาะลึกเทคนิคการใช้เครื่องคิดเลขในห้องสอบจริง พร้อมตัวอย่างโจทย์ที่เจอบ่อย เพื่อให้พิชิตข้อสอบ CU-ATS Physics ได้อย่างแม่นยำและทันเวลา
5 เทคนิคการใช้เครื่องคิดเลขในข้อสอบ CU-ATS Physics
เวลา คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ในการทำข้อสอบ CU-ATS Physics ดังนั้นการรู้สูตรฟิสิกส์อย่างเดียวไม่พอ ต้องฝึกกดเครื่องคิดเลขให้คล่องด้วย เพราะศูนย์สอบจะอนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขพื้นฐาน (Basic Calculator) แต่ด้วยความที่ไม่มีปุ่มยกกำลัง ไม่มีวงเล็บ ไม่มีฟังก์ชันวิทยาศาสตร์ใด ๆ ทำให้ต้องอาศัยเทคนิคเฉพาะเพื่อให้กดได้ทันตามเวลาที่กำหนด น้อง ๆ จึงต้องรู้ 5 แนวทางสำคัญต่อไปนี้ ในการใช้เครื่องคิดเลขดังกล่าวเพื่อพิชิตคะแนนสูงตามที่หวังไว้
เทคนิคที่ 1 : รู้จักเครื่องคิดเลขที่เราจะได้ใช้ในห้องสอบ
ข้อสอบ CU-ATS Physics มีเวลาจำกัดมาก การคำนวณจึงต้องรวดเร็วและแม่นยำที่สุด แต่ความยากคือทางศูนย์สอบไม่อนุญาตให้นำเครื่องคิดเลข Scientific ส่วนตัวเข้าห้องสอบ แต่จะจัดเตรียมเครื่องคิดเลขแบบพื้นฐาน (Basic Calculator) ไว้ให้ตามภาพด้านล่าง ซึ่งฟังก์ชันน้อยกว่ามาก หากเราไม่ชินมือ อาจทำให้เสียเวลาในการแก้สมการซับซ้อนได้

จากภาพจะเห็นว่าเป็นเครื่องคิดเลข Canon รุ่น LC-210Hi III เป็นเครื่องคิดเลขธรรมดา มีตัวเลข 0-9 บวกลบคูณหาร เท่ากับ จุดทศนิยม แล้วก็ปุ่มอื่น ๆ อีกนิดหน่อย ซึ่งทำให้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนทำได้ค่อนข้างยาก บทความนี้พี่เลยจะมาสอนการกดเครื่องคิดเลขอันนี้ ให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง และทันภายในเวลาที่กำหนด
เทคนิคที่ 2 : การกดบวกลบคูณหารมากกว่า 1 ขั้นตอน
สำหรับการคำนวณที่มีการบวก ลบ คูณ หารมากกว่า 1 ขั้นตอน เนื่องจากเครื่องไม่มีวงเล็บ เราจึงต้องใช้ปุ่ม Memory (M+, M-, MR/MRC) เพื่อจำค่าไว้ระหว่างการคำนวณ
ตัวอย่างโจทย์ : A motorcycle is moving at an initial velocity of 12 m/s. It accelerates uniformly at 2.5 m/s² for 6 seconds. Find its final velocity.
ข้อนี้เราจะใช้สูตร v = u+at โดยได้ว่า
u = 12 m/s
a = 2.5 m/s²
t = 6 s
v = 12 + 2.5×6
วิธีกดที่ถูกต้อง : เครื่องคิดเลขรุ่นนี้ไม่มีวงเล็บ เราต้องใช้ปุ่ม Memory (M+, M-, MR/MRC)
1. กด 12 แล้วกด M+ (เครื่องจะจำค่า 12 ไว้ โดยขึ้นสัญลักษณ์ M)
2. กด 2.5 × 6 (เครื่องจะคำนวณค่านี้ก่อน ได้ 15)
3. กด M+ (เครื่องจะนำ 15 ไปบวกเพิ่มในค่าที่จำไว้ คือ 12 + 15)
4. กด MR หรือ MRC เพื่อดูคำตอบสุดท้ายคำตอบคือ : 27 m/s
*อย่าลืม เมื่อเสร็จข้อแล้ว ต้องกด MRC ซ้ำ หรือกด ON/CA เพื่อเคลียร์ค่า Memory (ตัว M หายไป) ก่อนเริ่มข้อใหม่เสมอ
เทคนิคที่ 3 : การกดเลขยกกำลังเมื่อไม่มีปุ่ม ^
เนื่องจากเครื่องไม่มีปุ่มยกกำลังอยู่เลย เราเลยต้องใช้วิธีกดคูณซ้ำ ดังตัวอย่างนี้
ตัวอย่างโจทย์ : A 0.5 kg ball is attached to a string and whirled in a horizontal circle of radius 0.8 m at a constant speed of 6 m/s. Find the centripetal force acting on the ball.
ข้อนี้จะใช้สูตร F = mv2r โดยที่
m = 0.5 kg
v = 6 m/s
r = 0.8 m
F=0.5(6)20.8
วิธีกดที่ถูกต้อง : ต้องกด 0.5 × 6 × 6 ÷ 0.8 จึงจะได้คำตอบเป็น 22.5 N
หากเป็นเลขยกกำลังมาก ๆ หรือน้อย ๆ เช่น พวกสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ทั้งหลาย จะเป็นดังตัวอย่าง
Two small charges, q1 = +3.0×10-6 C and q2 = -2.0×10-6 C, are separated by a distance of 0.4 m in air. If the Coulomb constant k = 9.0×109 N/m2/C2, find the magnitude of the electric force between them.
ข้อนี้ใช้สูตร F = kq1q2r2
ต้องคำนวณว่า F = 9.0×109×3.0×10-6×2.0×10-60.42
วิธีคือต้องแยกส่วนที่เป็นเลขยกกำลังฐาน 10 ออกไปก่อน แล้วคำนวณส่วนที่เหลือ
กด 9 × 3 × 2 ÷ 0.4 ÷ 0.4 ได้ 337.5
จากนั้นให้ใช้สมบัติของเลขยกกำลัง คำนวณ 109 × 10-6 x 10-6 ได้ 10-3 จากนั้นนำ 337.5 คูณกับ 10-3 ด้วยตัวเองจะได้ 0.3375
F = 9.0×109×3.0×10-6×2.0×10-60.42 = 337.5×10-3 = 0.3375 N
ข้อนี้จะตอบว่า 0.3375 N หรือ 0.34 N หากตอบแค่เลขนัยสำคัญ 2 ตัว
เทคนิคที่ 4 : การกดรากที่สอง
ถึงแม้ว่าเครื่องคิดเลขมีปุ่มรากที่สองก็จริง แต่มีวิธีการกดต่างออกไป ดังตัวอย่าง
ตัวอย่างโจทย์ : A ball is dropped from a height of 5 m. Ignoring air resistance, find its velocity just before hitting the ground. (Take g = 10 m/s2)
กรณีที่มีข้อความว่า Ignoring air resistance และปล่อยจากที่ความเร็วต้นเป็น 0 แสดงว่าพลังงานศักย์โน้มถ่วง (gravitational potential energy) กลายเป็นพลังงานจลน์ (kinetic energy) ทั้งหมด สามารถหาความเร็วสุดท้ายได้จากสูตร v = 2gh
โดยที่ g = 10 m/s2 และ h = 5 m
v = 2(10)(5) = 10 m/s
วิธีกดที่ถูกต้อง : กด 2 × 10 × 5 แล้วกด = ก่อน จะได้ออกมาเป็น 100 แล้วค่อยกดปุ่ม √ เครื่องจะแสดงคำตอบออกมาเป็น 10 ซึ่งจะแตกต่างจากเครื่องคิดเลขแบบ scientific ตรงที่ต้องกดทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วค่อยกดปุ่ม √ เป็นลำดับสุดท้าย
เทคนิคที่ 5 : การกดเปอร์เซ็นต์
ตัวอย่างโจทย์ : A transformer has an input power of 500 W and an output power of 460 W. Find the efficiency of the transformer.
สามารถหาประสิทธิภาพ (efficiency) ได้จากสูตร η = PoutputPinput×100%
η = PoutputPinput×100% = 460500×100% = 92%
วิธีกดคือ กด 460 หารด้วย 500 แล้วกดปุ่ม โดยที่ไม่ต้องกด = เพื่อหาผลหารก่อน จะได้คำตอบออกมาเป็น 92
ข้อควรระวังในการทำพาร์ตคำนวณ
การทำคะแนนจากข้อสอบ CU-ATS Physics ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการ “คิดได้ไหม” อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการ จัดการเวลา + ความแม่นยำ + ความรอบคอบในการคำนวณ ซึ่งเป็นจุดที่เด็กจำนวนมากเสียคะแนน ดังนั้นควรระวังเรื่องต่อไปนี้ให้ดี
- การแปลงหน่วย (Unit Conversion) : ก่อนกดเครื่องคิดเลข เช็คหน่วยเสมอว่าต้องแปลงจาก cm เป็น m หรือไม่ ข้อสอบ CU-ATS มักหลอกตรงนี้
- เลขนัยสำคัญ (Significant Figures) : แม้เครื่องคิดเลขจะโชว์ทศนิยมยาวเหยียด แต่ในช้อยส์คำตอบมักจะตัดเหลือ 2-3 ตำแหน่ง ให้ดูช้อยส์เป็นหลัก
- เคลียร์ Memory เสมอ : ย้ำอีกครั้ง ถ้าหน้าจอยังมีตัวอักษร ‘M’ เล็ก ๆ อยู่ ห้ามเริ่มคำนวณข้อใหม่เด็ดขาด เพราะค่าเก่าจะถูกนำมารวมด้วย
- ระวังการคูณ/หารผิดลำดับ (เพราะไม่มีวงเล็บ) : ความยากของเครื่องคิดเลขรุ่นนี้คือ ไม่มีปุ่มวงเล็บ หากกดผิดลำดับแม้แต่นิดเดียว คำตอบจะผิดทันที
ทบทวนข้อสอบ CU-ATS Physics แบบเข้าใจง่ายได้ที่ House of Griffin
การทำข้อสอบ CU-ATS Physics ให้ได้คะแนนสูงต้องอาศัยทั้งความเข้าใจเนื้อหา ความชำนาญในการคำนวณ และการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ การรู้วิธีใช้เครื่องคิดเลข Canon รุ่น LC-210Hi III อย่างถูกต้องจะช่วยให้ทำข้อสอบได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
หากน้อง ๆ ต้องการทบทวนข้อสอบ CU-ATS Physics แบบเข้าใจง่าย พร้อมฝึกทำโจทย์และเทคนิคการคำนวณอย่างละเอียด ทีมงาน House of Griffin พร้อมช่วยเหลือน้อง ๆ ด้วยคอร์ส CU-ATS ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อสอบเข้าอินเตอร์ ครอบคลุมทั้งเนื้อหาและเทคนิคการทำข้อสอบจริง มาเตรียมความพร้อมไปด้วยกันเพื่อผลคะแนนที่สูงที่สุด!

