
ก่อนจะลงสนามสอบ GED RLA หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจไวยากรณ์หรือแกรมม่าพื้นฐาน (Grammar) ให้ดี เพราะส่วนนี้ไม่ได้วัดแค่ความรู้ทางไวยากรณ์ (Grammar) เท่านั้น แต่ยังทดสอบความสามารถในการ อ่าน วิเคราะห์ และแก้ไขประโยคให้ถูกต้องตามหลักภาษาอีกด้วย หากเราไม่เข้าใจโครงสร้างประโยคหรือการใช้คำอย่างถูกต้อง ก็อาจตีความผิดหรือเลือกคำตอบที่ไม่เหมาะสมกับบริบทได้ การมีพื้นฐานทางไวยากรณ์ (Grammar) ที่แน่นจึงช่วยให้เราทำข้อสอบได้มั่นใจขึ้น ทั้งในส่วนของพาร์ทไวยากรณ์ (Grammar) และการเขียนเรียงความ (Extended Response) ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้วัดความเข้าใจเชิงลึกของภาษาอย่างแท้จริง
1. แกรมม่าพื้นฐาน Noun-Pronoun Agreement
Noun–Pronoun Agreement หมายถึง “ความสอดคล้องระหว่างคำนาม (noun) และคำสรรพนาม (pronoun)” ซึ่ง Pronoun ที่ใช้ต้องตรงกับคำนามที่แทน ดังนี้
จำนวน (singular เอกพจน์ / plural พหูพจน์)
เพศ (masculine / feminine / neutral )
ชนิดของบุคคล (first person / second person / third person)
หลักการ
- ถ้าคำนามเป็นเอกพจน์ → ใช้ pronoun เอกพจน์ เช่น The student lost his pen.
- ถ้าคำนามเป็นพหูพจน์ → ใช้ pronoun พหูพจน์ เช่น The students lost their pens.
ทำไมสำคัญ : เพราะเป็นพื้นฐานของความชัดเจนในประโยค ถ้า pronoun ไม่ตรงกับคำนาม ความหมายจะกำกวมทันที
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ : ให้เลือก pronoun ที่ถูกต้อง และให้เลือกว่าประโยคใดมีการใช้ pronoun ผิด
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Noun-Pronoun Agreement
James and Tim must bring ___ notebook to class. เฉลยและคำอธิบาย : C) their ✅ (เพราะประธาน James and Tim เป็นพหูพจน์) |
2. แกรมม่าพื้นฐาน Subject-Verb Agreement
การที่ประธาน (subject) และกริยา (verb) มีความสอดคล้องกัน
หลักการ
- ประธานเอกพจน์ → กริยาผันตามประธานเอกพจน์
เช่น She runs every morning (ประธานคือ She กริยา Run จึงต้องเติม s/es สำหรับ Present simple tense)
- ประธานพหูพจน์ → กริยาผันตามประธานพหูพจน์
เช่น They run every morning (ประธานคือ They กริยา Run จึงไม่เติม s สำหรับ Present simple tense)
ทำไมสำคัญ : เพราะเป็นหนึ่งในหลัก grammar พื้นฐานที่สุดที่วัด “ความเข้าใจเชิงโครงสร้างประโยค”
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ :
- ให้เลือก verb ที่ตรงกับ subject
- มีตัวหลอก เช่น collective nouns (team, class) หรือ phrases between subject–verb เช่น The teacher, along with her students, is preparing for the exam.
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Subject-Verb Agreement
The team ___ playing well this season. A) are B) is C) were D) be เฉลยและคำอธิบาย : B) is ✅ (เพราะ team เป็นประธานที่เป็นเอกพจน์) |
3. แกรมม่าพื้นฐาน Parallel Structure
การทำให้โครงสร้างในประโยคมีรูปแบบเดียวกัน เช่น
- She likes reading, writing, and jogging. (ถูก)
- She likes to read, writing, and jogging. (ผิด)
หลักการ : เมื่อมีคำเชื่อม (and, or, but) หรือรายการ (lists) ให้ใช้รูปคำเหมือนกันเสมอ เช่น
She likes reading, writing, and jogging. (ถูก เพราะเป็น -ing ทั้งหมด)
She likes to read, writing, and jogging. (ผิด)
ทำไมสำคัญ : มีความชัดเจนของประโยค ทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายและไม่เกิดความกำกวม นอกจากนี้ยังเป็นภาษาอังกฤษที่ถูกต้องตาม Academic English
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ : ให้เลือกประโยคที่มีโครงสร้างขนานถูกต้อง และให้แก้ไขประโยคที่มีรูปคำไม่สอดคล้องกัน
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Parallel Structure
Which sentence uses the correct parallel structure? A) He enjoys hiking, swimming, and biking. B) He enjoys hiking, to swim, and biking. C) He enjoys hiking, swimming, and to bike. D) He enjoys hike, swimming, and biking. เฉลยและคำอธิบาย : A) He enjoys hiking, swimming, and biking. ✅ (เพราะ โครงสร้างในประโยคมีรูปแบบเดียวกันที่เป็น -ing ทั้งหมด) |
4. แกรมม่าพื้นฐาน Comma Usage
Comma (เครื่องหมายจุลภาค ,) ใช้เพื่อแบ่งส่วนของประโยคให้ชัดเจนและช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย
หลักการ :
ใช้คั่นรายการ (lists): I bought apples, oranges, and bananas.
ใช้คั่นก่อนคำเชื่อม (conjunction): I was tired, but I finished my homework.
ใช้หลัง phrase หรือ clause ขึ้นต้น: After dinner, we went for a walk.
ทำไมสำคัญ : การวาง comma ผิดอาจเปลี่ยนความหมายของประโยค
เช่น
- Let’s eat, Grandma! (มากินกันเถอะ ยาย)
- Let’s eat Grandma! (จะกินยาย 😱)
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ : ให้เลือกประโยคที่ใช้ comma ถูกต้อง หรือแก้ไขประโยคที่มี comma ผิดตำแหน่ง
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Comma Usage
After finishing his homework ___ John went to bed. ตัวเลือก: A) no punctuation B) , C) ; D) : เฉลยและคำอธิบาย : B) , ✅ (เพราะใช้commaแบ่งระหว่าง 2 clauses คือ Dependent และ Independent Clause) |
5. แกรมม่าพื้นฐาน Capitalization
การใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่อย่างถูกต้อง เช่น
- ขึ้นต้นประโยค (She is my friend.)
- ชื่อคน (Tom, Sarah)
- ชื่อสถานที่ (New York, Thailand)
- วัน เดือน ชื่อเรื่อง (Monday, December, The Great Gatsby)
ทำไมสำคัญ : การใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ถูกต้องเป็นสัญลักษณ์ของ “ภาษาอังกฤษมาตรฐาน” หลัก ๆ ช่วยบอกจุดเริ่มต้นของประโยคและช่วยแยก “ชื่อเฉพาะ” ออกจากคำทั่วไป
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ : ให้หาคำที่ควรขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ และให้แก้ไขชื่อเฉพาะที่พิมพ์เล็ก
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Capitalization
Choose the correctly capitalized sentence: A) i visited london last summer. B) I visited London last summer. C) I Visited London last summer. D) i Visited London last summer. เฉลยและคำอธิบาย : B) I visited London last summer. ✅ (ประโยคเริ่มต้นด้วยตัวใหญ่ → I และ ชื่อเฉพาะ → London ต้องพิมพ์ใหญ่) |
6. แกรมม่าพื้นฐาน Possessive
เป็นรูปของคำที่ใช้บอกว่าใครเป็นเจ้าของสิ่งนั้น โดยการใช้เครื่องหมาย apostrophe (’) หรือ possessive pronoun หรือ possessive adjective เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
หลักการ:
- การใช้ apostrophe (’)
เอกพจน์: คำนาม + ’s เช่น This is Anna’s bag.
พหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย s เติม ’ อย่างเดียว เช่น These are the boys’ shoes.
- การใช้ possessive pronoun และ possessive adjective (สามารถดูตารางด้านล่างได้)
Possessive Adjective คือคำที่วางหน้า “คำนาม” เพื่อบอกว่า “ของใคร” และใช้เหมือนคำคุณศัพท์ (adjective) สั้น ๆ ก็คือ Possessive Adjective ต้องมี “คำนาม” ตามหลังเสมอ
เช่น My book is on the table
Possessive Pronoun คือ คำที่ใช้ แทนคำนามนั้นเลย (ไม่ต้องมีคำนามต่อท้าย) ใช้เหมือนคำสรรพนาม (pronoun)
เช่น The book is mine.
ทำไมสำคัญ : เพราะการวาง apostrophe ผิดที่ทำให้ความหมายเปลี่ยน
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ :
- ให้เลือกการสะกดที่ถูกต้อง
- ให้แยกแยะ singular / plural possessive
- ใช้ possessive pronoun หรือ possessive adjective ให้ตรงกับคำนาม (noun) ที่แทนที่
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Possessive
Choose the correct possessive form: The ___ classroom was very clean. A) teachers B) teacher’s C) teachers’ D) teach เฉลยและคำอธิบาย: B) teacher’s ✅ (ห้องของครูคนเดียว → ใช้ singular possessive → teacher’s) |
7. แกรมม่าพื้นฐาน Homonyms
คือคำที่ออกเสียงหรือสะกดคล้ายกันแต่มีความหมายต่างกัน เช่น To, Too และ Two
ทำไมสำคัญ : เพราะเป็นข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อย
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ : ให้เลือกคำที่ใช้ถูกในบริบท หรือให้แก้ไขคำที่สะกดถูกแต่ใช้ผิด
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Homonyms
Choose the correct word: ___ my best friend. A) Your B) You’re C) Yours D) You เฉลยและคำอธิบาย: B) You’re ✅ (You’re = You are → ประโยคถูกต้อง: You’re my best friend.) |
8. แกรมม่าพื้นฐาน Standard English
หมายถึงการใช้ภาษาอังกฤษในรูปแบบมาตรฐานทางการ (formal) ที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
หลักการ :
- หลีกเลี่ยงภาษาพูด (gonna, ain’t, wanna)
- ใช้รูปทางการแทน (going to, is not, want to)
- ใช้ประโยคสมบูรณ์และสำนวนชัดเจน
ทำไมสำคัญ : เพราะ GED วัดความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษที่เป็น “Academic English” ผู้สอบต้องรู้ว่าเมื่อใดควรใช้รูปแบบ formal และหลีกเลี่ยง informal expressions
รูปแบบที่เจอบ่อยในข้อสอบ : ให้เลือกว่าประโยคใดใช้ภาษาอังกฤษมาตรฐาน และให้แก้ประโยคที่เป็นภาษาพูดให้เป็น formal
ตัวอย่างโจทย์เรื่อง Standard English
Which sentence is most appropriate for a formal letter? A. I’m writing to ask about the job opening. B. I wanna know about the job thing. C. Gimme more info about that job. D. I’m gonna ask about the job. เฉลยและคำอธิบาย: A) I’m writing to ask about the job opening. ✅ (ใช้ภาษาทางการ: “I’m writing to ask about…” และหลีกเลี่ยงคำภาษาพูดอย่าง wanna, gimme, gonna) |
ตะลุยแกรมม่าพื้นฐาน (Grammar) ให้เป๊ะ เตรียมพร้อมสอบ GED RLA ที่ House of Griffin
เรียกได้ว่าแกรมม่าพื้นฐานทั้ง 8 หัวข้อคือ “แก่นหลัก” ของพาร์ท Grammar และสามารถเชื่อมโยงและนำไปใช้ในพาร์ท Extended Response (Essay) ใน GED RLA ได้ ข้อสอบมีโอกาสออกสอบวนอยู่ในหัวข้อเหล่านี้ การเข้าใจและฝึกฝนบ่อย ๆ จะช่วยให้แก้ไขประโยคได้ถูกต้อง เข้าใจบทความภาษาอังกฤษได้ลึกขึ้น และเขียนเรียงความได้อย่างเป็นทางการตามเกณฑ์การให้คะแนนของ GED แต่หากใครยังคิดว่าตัวเองอยากแม่นยำได้มากกว่านี้ มาที่ House of Griffin เรามีคุณครูคอยให้คำแนะนำน้อง ๆ อยู่นะ

